ความมั่งคั่งร่ำรวยของผู้นำจำเป็นต้องปลูกฝังความมั่งคั่งมิใช่เพียงในด้านอิสรภาพทางด้านการเงินเพียงอย่างเดียวแต่ยังต้องครอบคลุมมิติอื่นๆ ในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นมิติทางด้านเวลา การงาน การสร้างคุณค่าให้กับสังคม
ในการสร้างสมดุลความมั่งคั่งของผู้นำ (Wealth of the leader) นอกเหนือจากความมั่งคั่งร่ำรวยที่กล่าวไปในบทความครั้งก่อนในด้านสุขภาพที่แข็งแกร่ง ความมั่นคงทางอารมณ์ตลอดจนความสัมพันธ์ที่แข็งแรงกับคนที่สำคัญในชีวิตแล้ว ผู้นำจำเป็นต้องมองอีก 4 มิติของความมั่งคั่งนั่นก็คือ
1. Time Wealth ความมั่งคั่งทางด้านเวลา
เวลาเป็นสิ่งที่ทุกคนมีต้นทุนในชีวิตเท่ากันก็คือทุกวันจะมีเวลาเข้าในบัญชีชีวิตของคุณวันละ 86,400 นาที แต่ที่สำคัญทุกวันถ้าเราใช้ไม่หมดมันก็จะหายไปจากบัญชีชีวิตและก็เริ่มต้นใหม่ในแต่ละวัน เวลาของแต่ละคนยังผันแปรตามความรู้สึกนั่นก็คือถ้าเรามีความสุขในการใช้ต่อมสุขใจเวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันถ้าเราใช้ต่อมเครียดในการเดินทาง เวลาจะผ่านไปอย่างช้ามาก อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกล่าวไว้ว่าถ้าเราอยู่ในความรักเวลาจะบินไปอย่างรวดเร็วแต่ถ้าเรานั่งอยู่บนกองไฟเวลาจะเดินไปอย่างช้าๆ
ผู้นำที่มีความมั่งคั่งทางด้านเวลาจำเป็นที่จะต้องรู้จักค่าของเวลาที่จะสามารถสร้างอารมณ์บวกในชีวิตและใช้ทุกนาทีอย่างมีประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นอย่างมีความสุขในทุกก้าวที่เดิน เวลาเป็นต้นทุนที่ทุกคนมีเท่ากันแต่ผู้นำที่มั่งคั่งจะใช้เวลาอย่างมีคุณค่าเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นด้วยรอยยิ้มจากหัวใจ
2. Work Wealth ความมั่งคั่งในการงาน
การงานเป็นความมั่งคั่งร่ำรวยถ้าเรามีความสุขและมีพลังบวกในการทำงาน หลายคนมีชีวิตอยู่โดยการขายวิญญาณทำงานเพื่อแลกมากับเงินแต่มิได้มีความสุขในการทำงาน เช้าวันจันทร์จะเป็นวันที่ไม่อยากตื่นมาทำงานแต่จะมีความสุขมากเมื่อถึงเย็นวันศุกร์ที่จะได้มีโอกาสมีอิสรภาพที่ได้ทำสิ่งที่อยากทำในวันเสาร์ อาทิตย์
การมีความมั่งคั่งในการทำงานจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรู้สึกถึงการมีโอกาสได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่และได้ใช้เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ฝันให้เกิดเป็นความจริง ถ้าเรามีความรู้สึกถึง Passion หรือแรงบันดาลใจในการทำงานทุกวัน ความมั่งคั่งในการทำงานจะเกิดขึ้นทุกวัน โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกนั้นในวันหยุดเท่านั้น ดั่งเช่นคำพูดที่ว่า It’s time to work, It’s time to have fun
3. Giving Wealth ความมั่งคั่งจากการให้
เมื่อเรามีความรู้สึกถึงความมั่งคั่งของโลกใบนี้ว่ามีทุกสิ่งที่เพียงพอสำหรับทุกคน จิตใจเราก็จะเปิดกว้างในการที่จะให้ แต่ถ้าเรามองว่าโลกใบนี้ต้องแก่งแย่งเพื่อให้ได้มาเราก็จะกลายเป็นคนที่ใจแคบที่จะต้องได้มากกว่าจะต้องให้
เมื่อเราเปิดใจกว้างในการให้ ถ้าเราอยากได้อะไรและเราเริ่มต้นให้สิ่งนั้นก่อนสิ่งนั้นก็จะสะท้อนกลับมา ถ้าเราอยากได้รอยยิ้มและเริ่มต้นยิ้มให้ก่อนเราก็จะได้รอยยิ้มกลับมา เราอยากได้ความรักเราจำเป็นต้องให้ความรักก่อนและความรักก็เปรียบเสมือนบูมเมอแรงที่สะท้อนกลับมา
ความมั่งคั่งและร่ำรวยนั้น 80% มาจากจิตใจ และ 20% มาจากกระบวนการสร้างความมั่งคั่ง แต่ถ้าเรามีจิตใจที่ร่ำรวยเหลือเฟือที่จะให้ได้จะเป็นต้นกำเนิดที่ความร่ำรวยก็จะไหลกลับมาหาเราเช่นกัน
4. Financial Wealth ความมั่งคั่งทางด้านการเงิน
การมีความมั่งคั่งทางการเงินจำเป็นที่จะต้องรู้สึกถึงความมั่นคงเพื่อดูแลปัจจัย 4ในชีวิต ความสามารถในการหาเงินและสร้างเครื่องมือสร้างเงินเพียงพอที่จะมีอิสระในการเลือกที่จะทำอะไรที่อยากทำ มีอิสรภาพในการใช้เงินที่สามารถจับจ่ายในสิ่งที่อยากได้
ผู้นำที่มีความมั่งคั่งทางด้านการเงินมักจะแยกบัญชีไว้ 3 แบบ บัญชีแรกก็คือ บัญชี Security เพื่อความมั่นคง บัญชีนี้จะมีเงินที่สั่งสมเพื่อสร้างความรู้สึกปลอดภัยในจิตใจและมีมากพอที่จะดูแลชีวิตพื้นฐานบัญชีที่ 2 คือ บัญชี Investment เพื่อการลงทุนให้เกิดการเจริญเติบโตจะมีความเสี่ยงมากขึ้นแต่ก็สามารถสร้างการงอกเงยของเงินที่ได้จากการลงทุนได้
ในขณะที่บัญชีที่ 3 คือ บัญชี Dream หรือบัญชีที่ใช้จ่ายในการสร้างฝันให้เป็นจริง บัญชีนี้เป็นบัญชีที่เป็นคนเหลือจาก 2 บัญชีแรกเพื่อสร้างความรู้สึกเติมเต็มให้กับชีวิตกับสิ่งที่ฝันว่าอยากได้ ผู้นำหลายคนสร้างบัญชีนี้เพื่อช่วยเหลือคนที่มีความฝันแต่ไม่มีเงินทุนและร่วมกันสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ร่วมกัน
ผู้เขียนเคยพาผู้นำหลายท่านที่มั่งคั่งร่ำรวยในทั้ง 7 มิติไปช่วยนำพาและสร้างผู้นำสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถร่วมสร้างสังคมที่ร่ำรวยร่วมกันในการช่วยเหลือทุนทรัพย์กับผู้ที่ร่ำรวยความฝันและจิตใจ ยิ่งผู้นำเหล่านี้ให้ความร่ำรวยออกไปเขาเหล่านั้นกลับยิ่งได้ความมั่งคั่งร่ำรวยกลับมาเป็นทวีคูณ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 3,004
โดย อาจารย์กฤษณ์ รุยาพร E-mail : kris@e-apic.com, Mobile 081-617-7785
|