รากแก้วความสุข Grass Root of Authentic Happiness
[Date : 4 June 2022 ]
 
Talent iceberg of Leadership
[Date : 21 June 2022 ]
 
Unlock Leadership Potential(1)
[Date : 10 May 2022 ]
 
กลยุทธ์การเจียระไนพลังแห่งอัจฉริยภาพ : ทักษะของผู้บริหารมืออาชีพในการนำฝ่าวิกฤต
 

กลยุทธ์การเจียระไนพลังแห่งอัจฉริยภาพ  :  ทักษะของผู้บริหารมืออาชีพในการนำฝ่าวิกฤต

     ในยุคธุรกิจฟองสบู่การใช้ความสามารถที่มีอยู่ในองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุดอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกมองข้ามเพราะฟองสบู่ทำให้เราขาดความสามารถในการประเมินค่าศักยภาพของความเป็นจริงขององค์กรโดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวบุคคลากร ทำให้เราไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจพลังแห่งอัจฉริยภาพที่สั่งสมอยู่ภายในซึ่งเป็นบ่อเกิดของการสร้างสรรค์แนวนวัตกรรมใหม่ๆโดยเฉพาะการสร้างความสามารถในการได้เปรียบการแข่งขันอย่างแท้จริงในการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดโลกเมื่อฟองสบู่แตกเราจำเป็นที่จะต้องให้ความใส่ใจมากขึ้นในการเจียระไนสิ่งที่เรามีอยู่ภายในให้เจิดจริสขึ้นมา เพราะการจะอยู่รอดได้มิใช่เพียงแค่จะพบคู่แข่งขันกันระดับจังหวัดเท่านั้นแต่เราจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้การขับและเจียระไนให้สิ่งที่มีคุณค่าภาย  ในให้สามารถที่จะสร้างความแวววาวในระดับ world class หรือระดับโลกที่เดียว สังเกตดูองค์กรใหญ่ๆ ที่ลงทุนแตกกิ่งก้านสาขาไปในธุรกิจแขนงต่างๆ โดยตัวเองไม่มีความเชี่ยวชาญหรือมิได้มีอัจฉริยภาพที่แท้จริงต่างจำเป็นต้องกกลับมาวิเคราะห์ลู่ทางในการมองวิสัยทัศน์ใหม่และส่วนใหญ่มักจะขายกิจการที่ตัวเองไม่ถนัดทิ้งไปทั้งสิ้นเพราะถ้าไม่เก่งจริงๆ แล้วเราคงจะสู้กับระดับนานาชาติไม่ได้แน่ การพัฒนาความเป็นมืออาชีพนั้นจำเป็นที่จะต้องอาศัยทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างมั่นใจและมีความเชื่อมั่นว่าสามารถจะเจียระไนและขับพลังแห่งอัจฉริยภาพที่มีอยู่ในตัวเองได้อย่างมีประสิทธ์ภาพตลอดจนะเป็นที่ไว้วางใจกับคนรอบข้างได้ว่าเขาเหล่านั้นเป็นคนมีความสามารถและเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง แต่การทำอย่างนั้นจำเป็นที่จะมีกระบวนการและวิธีการที่สามารถปฎิบัติและถ่ายทอดให้เกิดเป็นรูปธรรมแบบมืออาชีพด้วยมิใช่แค่บางวันก็ทำได้บางวันก็ทำไม่ได้ ดังนั้นจึงมีคำถามเกิดขึ้นว่าทำอย่างไรที่เราสามารถค้นหาและปลดปล่อยพลังแห่งอัจฉริยภาพได้อย่างมืออาชีพดุจดังนักเจียระไนเพชรที่สามารถดึงเอาความแวววาวออกมาได้อย่างจรัสแสงและงดงามและอะไรคือกระบวนการที่สามารถสร้างทักษะในการเจียระไนพลังแห่งอัจแริยภาพเพื่อมาต่อสู้วิกฤตอย่างมืออาชีพอย่างแท้จริงผู้เขียนเองได้ทำการวิจัยกระบวนการที่ผู้ประสบความสำเร็จของผู้นำในภาคพื้นเอเซียโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยและได้รวบรวมรายละเอียดของความสามารถตลอดจนพลังแห่งอัจฉริยภาพซึ่งเป็นพลังของผู้นำที่ใช้บริหารกระแสความผกผันฝ่าวิกฤตในการแข่งขันระดับนานาชาติโดยรวบรวมเป็นหนังสือ “พลังแห่งอัจฉริยภาพ” ซึ่งถ้าผู้สนใจสามารถหาได้จากร้านหนังสือชั้นนำหรือสามารถสั่งผ่านจากทาง People magazine กระบวนการที่ผู้นำไม่ว่าจะเป็นระดับประเทศในภูมิภาคหรือนักธุรกิจในระดับ International ตลอดในระดับ SME ต่างก็มีกระบวนการการเจียระไนพลังแห่งอัจฉริยภาพที่เรียกว่า S-M-I-L-E ดั่งรูปที่ 1 นั่นก็คือ


          S - Shift Paradigm สิ่งแรกที่ต้องให้ความสำคัญในการวางกลยุทธ์การเจียระไนพลังแห่งอัจฉริยภาพก็คือ การปรับเปลี่ยนกรอบความคิดในการสร้างความเชื่อมั่นในการปลุกพลังหรือที่เราเรียกว่า การกระชากภวังค์ความคิดที่พยายามจะดึงความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในให้มาใช้อย่างเต็มที่ หลายคนมักจะมองตัวเองว่าคำว่าอัจฉริยภาพนั่นมักจะมีอยู่ที่นอกตัวและมักจะพบได้ในคนอื่นที่มิใช่ตัวเรา เมื่อเรามีความคิดเช่นนี้ตัวเราก็มักจะมองข้ามความคิดในการค้นหาพลังและเจียระไนความดีที่ซ่อนเร้นอยู่เพราะเมื่อคิดว่าไม่มี ความพยายามในการหาก็จะไม่เกิดขึ้นด้วย คุณอานันท์ ปันยารชุนอดีตนายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับผู้เขียนไว้อย่างน่าฟังว่าคนเราเป็น Product of environment หรือเป็นส่วนหนึ่งที่สังคมที่เราอยู่หล่อหลอมเราขึ้นมา 30% เท่านั้นที่มาจากสิ่งที่เราได้มาจากพันธุ์กรรมแต่ 70% มาจากการที่เราเรียนรู้จากสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ถ้าเรามีความเชื่อมั่นในตัวเองว่าเรามีความสามารถที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนซ่อนอยู่ เราเองก็จะขยายกรอบความคิดในการสร้างสิ่งแวดล้อมให้ขับพลังที่มีอยู่ในตัวเราออกมาใช้อยู่ตลอดเวลา เมื่อเรามุ่งมั่นทำสิ่งเหล่านั้นกรอบความคิดของเราก็จะมีการปรับเปลี่ยนและจะขยายความเชื่อมั่นว่าเรามีความสามารถและก็จะหมั่นหาแนวทางในการลิขิตชีวิตของเราไม่ปล่อยตัวเองให้ไปตามกระแสของความผกผันอย่างไร้ทิศทาง กรอบความคิดในการลิขิตชีวิตตัวเองเป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญที่เป็นรากฐานในการเจียระไนพลังในตัวเรา กระบวนการต่อมาก็คือ

          M - Magnify Self เมื่อเรามีความเชื่อมั่นว่าเรามีความสามารถอยู่ในตัว กระบวนการต่อมาก็คือ ค้นหาความถนัดที่มีอยู่ในตัวเรา นั่นก็คือนำเอาแว่นขยายมาค้นหาความถนัดที่ทำให้เราสามารถรู้จักและใช้ความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในตัวเราได้อย่างเต็มรูปแบบ ถ้าเราหมั่นสังเกตดูตัวเราและขยายสิ่งที่เราถนัดพร้อมทั้งรู้จักศักยภาพที่อยู่ภายในของเราอย่างเต็มรูปแบบแล้วจะสร้างความสนุกในการนำเอาสิ่งที่มีอยู่ภายในมาใช้ด้วยแรงขับเคลื่อนที่มีอยู่ในตัวเรา ถ้าเราสังเกตดูสังคมเราให้ดีหลายคนปล่อยชีวิตให้ล่องลอยไปโดยที่มิได้เคยหันกลับมาดูว่าชีวิตเรานั้นได้ใช้คุณค่าที่มีอยู่ในตัวเองอย่างเต็มที่หรือไม่ บ้างก็ใช้สิ่งที่มีอยู่อย่างครึ่งๆกลางๆนั่นก็คือแม้จะรู้ว่าตัวเองเก่งเรื่องหนึ่งแต่กลับเชื่อคนที่อยู่รอบข้างที่ชี้นำให้เขาเหล่านั้นชี้นำเราให้ไปทำงานในสิ่งที่บางที่เราไม่ถนัดเลย ดังนั้นการรู้จักเหลี่ยมมุมที่เจิดจรัสของชีวิตจึงนั้นเป็นพื้นฐานที่สำคัญ เพราะถ้าเรารู้จักความถนัดของเราจะทำให้เราไม่จำเป็นที่จะต้องเริ่มต้นที่ศูนย์ บางท่านมีแต้มต่อตั้งแต่เราเกิด บ้างก็พัฒนาเมื่อเติบโตขึ้นมา แต่สิ่งที่สำคัญก็คือเราได้นำแต้มต่อที่เราชอบนั้นมาใช้ให้เกิดคุณค่าของชีวิตหรือไม่
          สมองของเราเป็นตัวกำกับความถนัดซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นสี่ส่วนใหญ่ๆ นั่นก็คือ บางคนพัฒนาส่วนส่วนบนซ้ายทำให้เรากลายเป็นนักแก้ปัญหา ในขณะที่บางคนชอบพัฒนาสมองด้านบนขวานั่นก็คือชอบใช้วิสัยทัศน์ จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ บ้างก็เป็นนักทำที่ดีนั่นก็คือพัฒนาสมองด้านล่างซ้าย หรือ บางคนก็ชอบเป็นผู้ประสานสัมพันธ์ซึ่งส่วนของการพัฒนาการสมองด้านล่างซ้าย ไม่ว่าคุณถนัดสมองด้านไหนก็ตามหรือบางคนอาจจะมีความถนัดมากกว่าหนึ่งอย่างแต่คุณต้องเข้าใจพื้นฐานของคุณและนำมันออกมาใช้ให้ได้มากที่สุด ถ้าสังเกตดูความถนัดเชิงอัจฉริยภาพที่โดดเด่นของผู้นำระดับประเทสแล้วสี่ผู้นำสี่แบบที่ผู้เขียนเองได้รวบรวมไว้ในหนังสือ พลังแห่งอัจฉริยภาพ ก็คือถ้าเป็นผู้นำในการบริหารความสัมพันธ์ที่ทำให้คนเดินตามได้อย่างยอดเยี่ยมคงจะไม่มีใครโดดเด่นกว่า มหาตม คานธี ที่ประสานคนอินเดียนับล้านๆคนที่เดินข้ามทวีปเพื่อปลดแอกจากประเทศอังกฤษ สำหรับผู้นำที่ใช้วิสัยทัศน์ในการนำประเทศคงไม่มีใครเกิน ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ผู้กำหนดวิสัยทัศน์ให้กับประเทศมาเลเซียด้วยวิสัยทัศน์ 2020 ในขณะที่ลี กวน ยู เป็นผู้นำสิงคโปร์ที่สร้างระเบียบแบบแผนและวางรากฐานให้สิงคโปร์กลายเป็นประเทศที่ไม่เป็นที่สองรองใคร ผู้เขียนเองเคยทำการวิจัยค้นหาพลังแห่งอัจฉริยภาพของคุณอานันท์ ปันยารชุนซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่าความโดดเด่นของท่านก็คือความสามารถในการมองปัญหาได้อย่างแตกฉานตลอดจนสร้างแนวปฎิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ผู้นำทั้ง  4 ท่านต่างก็นำเอาพื้นฐานความถนัดเชิงอัจฉริยภาพในตัวท่านมาประสานกับเป้าหมายในการพิชิตซึ่งจะเป็นกระบวนการต่อไปคือ

          I - Innovate inspiring vision สร้างสรรค์วิสัยทัศน์ เป็นกระบวนการสร้างความคมชัดของเป้าหมายที่มีความสัมพันธ์กับความถนัดเชิงอัจฉริยภาพ สิ่งที่สำคัญก็คือวิสัยทัศน์ที่เราสร้างขึ้นมาจำเป็นที่จะต้องสอดคล้องและสร้างความสนุกที่ทำให้เกิดความหมายและปลุกพลังที่ซ่อนอยู่ภายในให้ออกมาใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบ บางคนมักจะมีความฝันแต่ไม่กล้าทำความฝันให้เป็นความจริงเพราะบางครั้งมิได้ขัดสีฉวีวรรณความฝันนั้นให้ชัดขึ้นและสามารถหาคำตอบได้อย่างชัดเจนว่าทำไมเราถึงฝันถึงมันตลอดจนมันมีความหมายกับชีวิตของเราอย่างไรเพราะถ้ามันมีความหมายและทำให้เรากัดไม่ปล่อยแล้ว การเปลี่ยนความฝันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นความจริงก็มักจะเกิดขึ้นและยิ่งสอดคล้องกับความถนัดที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในด้วยแล้วมักยิ่งก่อให้เกิดพลังแฝงในการขับเคลื่อนแบบเเดียวกับพลังของปุยหิมะเมื่อรวมตัวขับเคลื่อนไปข้างหน้า จะแปรสภาพให้กลายเป็นพลังของก้อนน้ำแข็งที่มีพลังถล่มทลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ผู้ที่มีพลังอำนาจและบารมีในการนำผู้อื่นมักจะมีพลังที่เกิดจากภายในซึ่งเกิดจากแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาขับเคลื่อนไปข้างหน้าโดยไม่หวาดหวันต่ออุปสรรคใดๆ คำถามที่น่าสนใจก็คือ ตัวเราเองนั้นมีสิ่งที่สร้างพลังขับเคลื่อนที่สามารถขับพลังแห่งอัจฉริยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในให้ไหลบ่าออกมาดุจพลังแห่งสายน้ำหรือไม่
          องค์กรชั้นนำทั้งหลายมักจะเลือกบุคคลที่มีพลังของวิสัยทัศน์ที่คมชัดเข้ามาเป็นบุคคลากรที่มีค่าขององค์กร Microsoft เป็นองค์กรหนึ่งซึ่งผู้เขียนเองได้เป็นที่ปรึกษาในการปลดปล่อยพลังแห่งอัจฉริยภาพของทีมงานโดยผู้ก่อตั้ง Microsoft ประเทศไทยคือคุณอาภรณ์ ศรีพิพัฒน์ได้เล่าว่า เขาต้องการทีมงานที่รู้จักและรักงานที่ทำด้วยเป้าหมายและไฟแห่งแรงปรารถนาอันแรงกล้าที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่เขาเห็นว่ามีค่าที่สุดให้เกิดขึ้น เมื่อทีมงานมีพื้นฐานของการสร้างสรรค์เหล่านี้จะก่อเกิดให้เกิดพลังในการสร้างกระบวนการตามมานั่นก็คือ

          L - Liberate Intelligence ปลดปล่อยอัจฉริยภาพ เมื่อเรามีความเชื่อมั่น ค้นพบและตั้งเป้าหมายที่มีค่าแล้ว ทักษะในการปลดปล่อยอัจฉริยภาพให้เจิดจรัสอย่างเดียวกับที่นักเจียระไนเพชรทำกับเพขรน้ำงามก็คือการสร้างทักษะที่สำคัญที่สามารถปลดปล่อยพลังให้ออกมาด้วยวิธีการและกระบวนการที่ทำอย่างที่มืออาชีพทำ ทักษะเหล่านี้มีความสำคัญมากเพราะถ้าเราสามารถพัฒนาทักษะให้เกิดการปลดปล่อยได้อย่างมืออาชีพเราก็สามารถนำเอาพลังที่ซ่อนเน้นอยู่ให้ออกมาใช้อย่างมีประสิทธิ์ภาพตลอดจนยังสามารถถ่ายผ่องพลังจากคนที่อยู่รอบข้างเพื่อเสริมพลังของเราให้เกิดประโยชน์ในการประสานกันอย่างสูงสุด ทักษะที่สำคัญในการปลดปล่อยอัจฉริยภาพมีอยู่ห้าประการด้วยกันก็คือ
          1.  การสร้างพิมพ์เขียวในการพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership blueprint and strategic profile development) ถ้าเปรียบเทียบการสร้างบ้านที่ดีนั้นจำเป็นต้องใช้สถาปนิกออกแบบบ้านให้ตรงกับความต้องการของเจ้าของบ้านฉันใดการพัฒนาภาวะผู้นำก็จำเป็นต้องวางพิมพ์เขียวที่ถูกต้องเพื่อให้เกิดความสอดคล้องระหว่างความถนัด งานที่ทำ และเป้าหมายที่มีพลังรวมทั้งค่านิยมที่ทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจที่จะปลดปล่อยเพื่อพัฒนาชีวิตให้โลดแล่นไปข้างหน้าในทิศทางที่ถูกกับบุคคลิกตลอดจนสนุกกับการเดินทางไปข้างหน้า หลายคนเปรียบเทียบว่าคนเรามีพลังมากกว่ายานอพอลโลที่มีพลังสามารถยกรถได้เป็นหมื่นๆ คัน ทักษะในการสร้างพิมพ์เขียวในการปลดปล่อยอัจฉริยภาพก็เปรียบเสมือนการปลดปล่อยพลังที่มีอยู่ภายในให้ขับเคลื่อนชีวิตให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิ์ภาพ
          2.  การบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ผกผัน (Leading and managing change) เมื่อเรามีทักษะของสถาปนิกที่วางพิมพ์เขียวให้กับการพัฒนาภาวะผู้นำให้กับชีวิตเราเองแล้ว ทักษะต่อมาที่สำคัญก็คือบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ผกผันที่เข้ามากระทบการเดินทางในการสร้างพิมพ์เขียวให้กลายเป็นความจริงขึ้นมา ยิ่งมีสภาวะของการเปลี่ยนแปลงมากเท่าไหร่การที่เราจะเป็นนักบริหารหรือนักทำจำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะในการบริหารการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเท่านั้น ทักษะนี้เป็นทักษะที่สำคัญทั้งในระดับบุคคลและระดับองค์กรด้วยเพราะถ้าเราสามารถสร้างการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่เกื้อกูลกันทั้งสองระดับก็ยิ่งสร้างสมดุลย์ในการปลดปล่อยอัจฉริยภาพมากขึ้นเท่านั้น
          3.  กลยุทธ์การแก้ปัญหาและการตัดสินใจเชิงนวัตกรรม (Innovative problem solving and decision making) เป็นทักษะที่สำคัญที่ขาดมิได้ในการสร้างความสามารถในการปลดปล่อยอัจฉริยภาพที่เรามีเพื่อสร้างการประสานให้เกิดพลังที่เราและทีมงานมีให้ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อนำไปแก้ปัญหาที่สำคัญตลอดจนสร้างแนวทางในการตัดสินใจด้วยความคิดสร้างสรค์เชิงนวัตกรรม หลายท่านมีพลังความคิดอยู่อย่างเหลือเฟือแต่มิได้นำมาก่อให้เกิดประโยชน์โดยเฉพาะในการวิเคราะห์ทางเลือกในการตัดสินใจแก้ปัญหาสำคัญๆ ซึ่งจะทำให้เราสามารถปลดปล่อยพลังแห่งอัจฉริยภาพของเราอย่างมีความหมายมากขึ้น
           4.  การบริหารอัจฉริยภาพในการประสานความสัมพันธ์ (Relationship innovation and emotional intelligence) การปลดปล่อยอัจฉริยภาพต้องการทักษะในการสร้างแนวทางในการประสานพลังกับคนที่อยู่รอบข้างด้วยความสามารถในการบริหารอารมณ็ความรู้สึกเพื่อก่อให้เกิดความสัมพันธ์ในระยะยาว ยิ่งเรามีทักษะนี้มากเท่าไหร่การประสานพลังเพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรมก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้นเพราะถ้าเราไม่มีทักษะในการบริหารพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาอาจจะทำให้เกิดการขัดแย้งและบ่อนทำลายความสัมพันธ์ที่ดีในที่สุด
            5.  การสร้างทีมงานอัจฉริยะ (Hi-trust Hi-performance team) เป็นทักษะที่จะนำเอาพลังร่วมจากทีมงานเข้ามาสร้างสรรค์ให้เกิดผลงานที่สามารถต่อยอดความคิดและการกระทำให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมตลอดจนสามารถนำความต่างที่มีอยู่ในแต่ละคนและประสานให้เกิดผลงานร่วมกันทั้งยังผสนผสานจังหวะและความสามารถเพื่อการสร้างการเรียนรู้ในเชิงนวัตกรรม
ทักษะทั้ง 5 จะเป็นตัวที่จะส่งเสริมการปลดปล่อยอัจฉริยภาพให้เรากลายเป็นนักบริหารอัจฉริยภาพมืออาชีพมากขึ้น สุดท้ายในกระบวนการของการเจียระไนก็คือ

          E - Enhance greatness ขยายฐานพลังแห่งอัจฉริยภาพ ในการขยายฐานอัจฉริยภาพของเราสิ่งที่ผู้เขียนเห็นแนวทางที่ผู้ประสบความสำเร็จทั้งหลายทำก็คือช่วยเหลือผู้อื่นให้รู้จักตัวเองและสามารถปลดปล่อยพลังแห่งอัจฉริยภาพมากขึ้นเพราะถ้าเราอยู่ในวงจรที่เกื้อกูลกันหรือมีกัลยานิมตรที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันก็จะทำให้การพัฒนาตัวเราเองสามารถขยายผลและสามารถสะท้อนกลับมาหาเราได้มากขึ้น ถ้าพวกเราทุกคนหันกลับมาดูความสามารถและอัจฉริยภาพที่แท้จริงที่เรามีอยู่ในตัวเองและเลือกบทบาทและทางเดินที่ต่อยอดสิ่งที่เรามีรวมทั้งช่วยเหลือคนที่อยู่รอบข้างให้เก่งขึ้นตลอดจนสามารถรวมพลังเพื่อก่อให้เกิดความสามารถในการแข่งขันโดยอาศัยกระบวนการ S-M-I-L-E เราก็สามารถที่สร้างความแข็งแกร่งภายใต้วิกฤตและผกผันให้เป็นความพร้อมเพื่อผจญกับโลกในยุคโลกาภิวัฒน์อย่างแท้จริง


 
โดย อาจารย์กฤษณ์ รุยาพร  E-mail : kris@e-apic.com, Mobile 081-617-7785 
บทความได้รับการเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์


Home    l    About Us    l    Education Program    l    Consulting    l    Clients    l    Online Test
Books & Multi    l    Apic Leadership Review    l    Contact Us