รากแก้วความสุข Grass Root of Authentic Happiness
[Date : 4 June 2022 ]
 
Talent iceberg of Leadership
[Date : 21 June 2022 ]
 
Unlock Leadership Potential(1)
[Date : 10 May 2022 ]
 
วิสัยทัศน์-กระบวนการประสานพลังสู่องค์กรอัจฉริยะ
 

วิสัยทัศน์ - กระบวนการประสานพลังสู่องค์กรอัจฉริยะ



 
        องค์กรที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายมักจะมีรากฐานที่สำคัญนั่นก็คือสามารถที่จะใช้วิสัยทัศน์เป็นกระบวนการที่ขับพลังและศักยภาพของบุคคลากรในทุกระดับตลอดจนเจียระไนอัจฉริยภาพที่ซ่อนเร้นภายในเพื่อพิชิตโอกาสและความท้าทายต่างๆที่ผกผันอยู่ตลอดเวลา ด้วยรอยยิ้มและแรงบันดาลใจที่ขนขวายเรียนรู้เพื่อต่อยอดของการพัฒนาการในการประสานพลังแห่งอัจฉริยภาพสู่การสร้างองค์กรแห่งอัจฉริยะ เรื่องราวการประยุกต์ใช้วิสัยทัศน์เพื่อเป็นกระบวนการสร้างความสำเร็จจะเป็นประโยชน์แก่คุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นเป็นใครในองค์กรก็สามารถใช้แนวทางในการสร้างวิสัยทัศน์เพื่อเป็รประโยชน์กับชีวิตคุณเองรวมทั้งการขยายผลให้เกิดความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงองค์กรที่คุณรัก

วิสัยทัศน์ : แสงสว่างนำทางสู่จุดหมาย
        วิสัยทัศน์เปรียบเสมือนแสงไฟที่ส่องสว่างนำทางให้เราก้าวไปสู่จุดหมายที่มีคุณค่า วิสัยทัศน์เป็นกระบวนการที่หล่อหล่อมพลังที่สามารถผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งยังสามารถสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ๆที่ทำให้เราสามารถกระโดดข้ามวิกฤตการณ์ที่เราไม่นึกว่าเราสามารถจะข้ามก้าวได้ นอกเหนือจากนั้นยังสามารถจุดประกายในใจเราให้สามารถพิชิตความท้าทายที่เราไม่เคยคิดว่ามนุษย์เราจะทำได้มาก่อน บางคนอาจจะสร้างวิสัยทัศน์ไว้เป็นแสงเทียนเพื่อนำตัวเองไปสู่เส้นทางเดินของชีวิตที่มีความหมาย ถ้าการเดินทางของเขาเหล่านั้นมีคุณค่า  แสงเทียนที่ส่องสว่างอาจจุดให้ประกายไฟในตัวของผู้ที่อยู่รอบข้างได้ลุกโชติช่วงขึ้นและกลายเป็นแรงดลบันดาลใจให้ประสานพลังแห่งอัจฉริยภาพร่วมกัน
        ผู้นำที่ประสบความสำเร็จทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศล้วนให้ความสำคัญในการพัฒนาวิสัยทัศน์ร่วมกันเพื่อจุดประกายไฟ และสร้างความกล้าให้ผู้ที่ต้องการเดินไปสู้จุดหมายเดียวกันเปลี่ยนจากความฝันให้กลายเป็นภาพของความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมตลอดจนพัฒนาวุฒิภาวะของคนที่อยู่รอบข้างให้กล้าคิดกล้าทำอย่างสร้างสรรค์และพร้อมที่จะเป็นผู้นำที่จะกล้านำตัวเองและสังคมให้เดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง เพราะความหมายในชีวิตนั้นมิใช่แค่จุดหมายปลายทางแต่เป็นความสนุกที่เราได้เดินไปในเส้นทางที่ให้คุณค่าแก่ตัวเราและสังคมที่เราผ่านไป
        ในกระแสสังคมและเศรษฐกิจที่แปรเปลี่ยนและผกผันอย่างรวดเร็ว องค์กรที่จะอยู่รอดจะต้องเกิดจากการที่บุคคลากรแต่ละคนในองค์กรจะต้องมีภาวะผู้นำในการสร้างวิสัยทัศน์ในการนำตัวเองตลอดจนสามารถที่จะประสานเป้าหมายให้เกิดเป็นภาพรวมที่เสมือนเป็นเปลวไฟที่หล่อหลอมให้ทุกคนสามารถรวมพลังที่จะสร้างภาพแห่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คนแต่ละคนจะกระทำได้ แรงบันดาลใจที่เกิดจากการประสานพลังยังเป็นบ่อเกิดของการสร้างบันไดในการเรียนรู้ เกิดการต่อยอดความคิดซึ่งกันและกันเพื่อสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ให้ดีกว่าเดิม

ศิลปะในการสร้างวิสัยทัศน์และวัฒนธรรมองค์กร
        การสร้างวิสัยทัศน์และวัฒนธรรมองค์กรเป็นศิลปะของผู้นำองค์กรที่ต้องการสร้างกุศลโยบายในการประสานพลังแห่งความปรารถนาที่มีอยู่ในตัวบุคคลากรทุกคนให้มุ่งไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน ความฝันอันยิ่งใหญ่ของคนสามารถทำให้เขามีพลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าผ่านอุปสรรคต่างๆอย่างไม่ย่อท้อฉันใด การสร้างความฝันให้เป็นความจริงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องขจัดอุปสรรคทางความคิดไม่ว่าจะกลัวความล้มเหลว ไม่มีเงินในการเริ่มต้นไม่มีความรู้ ไม่มีเวลา แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นกรอบความคิดที่เรามีอยู่ในใจ สิ่งที่สำคัญในการเป็นผู้นำที่จะก้าวข้ามอุปสรรคของความคิดก็คือการสร้างความกล้าในการปรับกรอบความคิดด้วยด้วยการเปลี่ยนความฝันเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน ยิ่งชัดเท่าไหร่พลังของความท้าทายและความเชื่อมั่นก็จะแรงขึ้นเท่านั้น เพราะการก้าวเดินออกไปจะเป็นการลงทุนในการสร้างความฝันให้เกิดเป็นความจริงออกมาจะต้องแลกด้วยหยาดเงื่อและแรงงาน
        ผู้บริหารและผู้นำในองค์กรที่ประสบความสำเร็จมักจะสามารถที่จำดึงพลังแห่งอัจแริยภาพของตนเองและคนที่อยู่รอบข้างออกมาได้อย่างเต็มศักยภาพด้วยการเปลี่ยนจากความฝันร่วมกันของทีมงานให้กลายเป็นภาพของความสำเร็จที่เรียกว่า “วิสัยทัศน์” ยิ่งถ้าเป็นการประสานความฝันจากทุกคนแล้วมันสามารถจะเป็นศูนย์รวมพลังของทุกคนให้ก้าวไปข้างหน้าไม่ว่าจะผ่านอุปสรรคหรือความคิดดันจากสภาวะรอบข้างอย่างไรก็ตาม
        สิ่งที่สำคัญในการสร้างวิสัยทัศน์ก็คือพลังของความท้าทายที่สามารถทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในการร่วมวางวิสัยทัศน์ร่วมกันมีหัวใจพองโตเมื่อคิดถึงภาพแห่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นความท้าทายนี้จำเป็นที่จะต้องเกิดขึ้นในระดับส่วนบุคคล ยิ่งถ้าความท้าทายที่วางไปข้างหน้าร่วมกันสอดคล้องกับความถนัดเชิงอัจฉริยภาพด้วยแล้วมันจะมีพลังอำนาจในการปลดปล่อยพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวเขาเหล่านั้นให้ออกมาเป็นพลังแห่งอัจฉริยภาพ
        วิสัยทัศน์ที่ท้าทายขององค์กรก็เปรียบเสมือนความฝันที่ร่วมพลังอันยิ่งใหญ่ของทุกคน การสื่อสารวิสัยทัศน์จำเป็นต้องเข้าถึงคนทุกระดับในองค์กรทั้งความท้าทาย ความเชื่อมั่นในแนวทาง คำมั่นสัญญาของทุกคนในองค์กรที่จะสร้างความสำเร็จร่วมกันตลอดจนกำลังใจและความกล้าในการสร้างความฝันนั้นให้เกิดเป็นความจริงขึ้นมานับเป็นศิลปะที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปหว่าการสร้างวิสัยทัศน์เอง เพราะถ้าทีมงานไม่ได้อยู่ในทีมบริหารอาจจะมีความรู้สึกว่ามิใช่วิสัยทัศน์ของฉันแต่เป็นของผู้บริหาร ดังนั้นกุศลโยบายในการสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกันจำเป็นต้องให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแต่งแต้มสีสันในวิสัยทัศน์ในแนวความคิด ความหมายและความสนุกเพื่อสร้างอารมณ์ร่วมและความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
        นอกเหนือจาการวางวิสัยทัศน์ให้ทุกคนมีส่วนร่วมแล้วการสร้างบรรยากาศและวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้ออำนวยให้เกิดความกล้าคิด กล้าทำ อย่างสร้างสรรค์ในการสร้างรูปแบบแนวปฏิบัติที่จะสางฝันให้เป็นความจริงก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าวิสัยทัศน์เองเพราะค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรก็เปรียบเสมือนรากแก้วที่สำคัญและสร้างความมั่นคงกับต้นไม้ฉันใดความเชื่อและศรัทธาต่ออุดมการณ์และค่านิยมก็เป็นสิ่งที่ยึกเหนี่ยวกาวใจขององค์กรฉันนั้น ทุกองคืกรมีจังหวะและลีลาในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าที่แตกต่างกัน แต่ที่สำคัญคือการประสานระหว่างวิสัยทัศน์กับวัฒนธรรมองค์กรประดุจการสร้างแนวจังหวะดนตรีให้ประสานกับโน็ตเพลงที่สร้างสรรค์ให้ผู้เล่นสามารถปลดปล่อยความสามารถและอารมณ์ในการเล่นอย่างเป็นธรรมชาติและสามารถต่อยอดของการเล่นได้อย่างสนุกสนานและเป็นการประสานอัจฉริยภาพของดนตรีทุชิ้นให้เป็นพลังอันยิ่งใหญ่และความไพเราะของเสียงเพลงที่ออกมาขับกล่อม ทุกครั้งที่ผู้เขียนเองได้มีโอกาสเป็นที่ปรึกษากับบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศในการวางวิสัยทัศน์และวัฒนธรรมองค์กรมักจะได้สัมผัสกับแรงบันดาลใจและอารมณ์ร่วมของทีมงานในแต่ละองค์กรที่เมื่อขัดเกลาวิสัยทัศน์และวัฒนธรมองค์กรมาระดับหนึ่งจะสร้างสรรค์อัจฉริยภาพทางดนตรีออกมาแปลความหมายของวิสัยทัศน์และค่านิยมร่วมกันออกมาเป็นเสียงดนตรีเพื่อสร้างกาวใจในการเดินทางสู่เป้าหมายร่วมกัน

วิสัยทัศน์-กระบวนการประสานพลังสู่องค์กรอัจฉริยะ
        องค์กรที่จะประสบความสำเร็จในยุคโลกาภิวัฒน์ต้องเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้และมีการพัฒนาการอยู่ตลอดเวลา องค์กรของคุณไม่ว่าเล็กหรือใหญ่สามารถที่จะขับเคลื่อนพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในให้เกลายเป็นองค์กรแห่งอัจฉริยะได้ทั้งสิ้น  องค์กรอัจฉริยะคือ องค์กรที่สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างชาญฉลาดพร้อมทั้งสามารถปรับตัวเพื่อสร้างความสามารถที่มีเอกลักษณ์ในการแข่งขันในการสร้างคุณค่าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง กระบวนการในการใช้วิสัยทัศน์เป็นตัวประสานพลังสู่การสร้างองค์กรอัจฉริยะก็เปรียบเสมือนการที่ conductor ของวงดนตรีได้สร้างโน็ตเพลงเพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานพลังร่วมของนักดนตรียิ่งถ้าวงนั้นนักดนตรีมีความรู้สึกถึงคุณค่าของโน็ตเพลงและเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโน็ตเพลงแล้วละก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของอารมณ์ร่วมที่ยิ่งใหญ่  S-M-A-R-T organization development process หรือกระบวนการสร้างองค์กรอัจฉริยะนั้นเป็นการพัฒนารูปแบบของการสร้างองค์กรที่มีบันไดในการพัฒนาอยู่ห้าขั้นโดยเริ่มจาก
         S - Strategic vision and Cultural formation นั่นก็คือการสร้างโน็ตดนตรีและจังหวะของเสียงเพลงที่จะบรรเลงที่สร้างความไพเราะและมีความหมายในการที่จะดลบันดาลให้เกิดพลังในการขับเอาอัจฉริยภาพที่มีอยู่ภายในของนักดนตรีภายในองค์กรออกมาบรรเลงเพลงอย่างสุดฝีมือร่วมกัน
        M - Manage intelligence empowerment process บันไดขั้นที่สองนี้ก็คือการสร้างพิมพ์เขียวของการเจริญเติบโตของคนทุกคนในองค์กรที่ร่วมบรรเลงเพลงให้รู้จักการเจียระไนพลังที่มีอยู่ภายในให้โดดเด่นออกมาด้วยรอยยิ้มและความสนุกในการพัฒนา ในบันไดขั้นนี้ผู้นำวงสามารถที่จะรู้ความพร้อมและศักยภาพของผู้ร่วมบรรเลงเพลงร่วมกันว่าเขาเหล่านั้นมีความพร้อมและมีอะไรบ้างที่ต้องการพัฒนา ซึ่งหลายองค์กรจะสร้างเป็นพิมพ์เขียวในการสร้างภาวะผู้นำของผู้ร่วมวงหรือที่เราเรียกว่า Leadership blueprint ซึ่งเป็นการแตกย่อยจากวิสัยทัศน์ขององค์กรลงไปเป็นวิสัยทัศน์ของระดับบุคคล
         A - Architect organization competencies เมื่อองค์กรมองเห็นภาพของจุดหมายที่จะไปตลอดจนเห็นอัจฉริยภาพและความพร้อมของผู้ร่วมสร้างสรรค์ภาพแห่งความสำเร็จร่วมกัน การวางสถาปัตย์กรรมในการพัฒนาทักษะหลักที่เป็น core competencies ขององค์กรเป็นสิ่งที่องค์กรสามารถสนับสนุนการขับเคลี่อนในการประสานอัจฉริยะภาพเพื่อสร้างความเฉียบคมของมืออาชีพที่จะใช้อัจฉริยภาพได้อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งที่สำคัญถ้ากระบวนการทั้ง 2 ขั้นแรกถ้าทำไว้อย่างดีแล้วจะได้หัวใจของผู้ร่วมบรรเลงทุกท่านจะแสวงหาความต้องการสร้างสรรค์พัฒนาทักษะของตัวของเขาเองมิใช่เกิดจากการบังคับให้เกิดการพัฒนาการ
         R - Realign win-win learning system การสร้างระบบการเรียนรู้อย่างเป็นระบบรวมทั้งกระบวนการในการวัดผลความก้าวหน้าและการให้รางวัลเมื่อสามารถใช้อัจฉริพภาพที่สร้างสรรค์ให้เกิดผลงานโดยคำนึงถึงการ win-win ร่วมกันไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารที่เปรียบเสมือน conductor ของวง ทีมงานและบุคคลากรหรือนักดนตรีในวง ลูกค้าคนสำคัญซึ่งเปรียบเสมือนผู้ฟังเพลง ตลอดจนเจ้าของและคู่ค้าทางธุรกิจที่เป็นเสมือนเจ้าของวงและผู้ร่วมผลประโยชน์ร่วมกัน ระบบเรียนรู้ในการประสานอัจฉริยะขององค์กรกับความสามารถในการสร้างผลงานเป็นระบบที่ต้องมีการพัฒนาให้เกิดดุลยภาพทั้งภายในและภายนอกเพื่อสร้างการปรับตัวให้ทันต่อเหตุการณ์
         T - Transform wisdom into action บันไดขั้นสุดท้ายและที่สำคัญก็คือการสร้างอัจฉริยภาพและความสามารถขององค์กรให้กลายเป็นเอกลักษณ์ของอัจฉริยภาพขององค์กรอย่างเป็นรูปธรรม คุณจิรพรรณ อังศวานนท์ผู้เป็นนักดนตรีและผู้ประพันธ์เพลงที่มีชื่อไม่ว่าจะเป็นเพลงในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ที่กรุงเทพที่โด่งดังหรือเพลง รักคือคำคำนี้ของ Nescafe ได้กล่าวไว้กับผู้เขียนอย่างน่าสนใจว่าเมื่อมีการสร้างบันไดพื้นฐานทั้ง 4 ขั้นเรียบร้อยแล้วขั้นที่ห้าจะเป็นการสร้างความสามารถให้เกิดขึ้นอย่างมีเอกลักษณ์และอย่างเป็นธรรมชาติ มิใช่เป็นการเลียนแบบใคร วงดนตรีที่มีนักดนตรีที่รู้จักอัจฉริยภาพของตัวเองและสามารถประสานแนวดนตรีที่ผู้ชมชีนชอบจำเป็นที่จะต้องสร้างแนวนวัตกรรม(Innovation spirit) ที่เป็นตัวของตัวเอง ไม่เลียนแบบใครและยากที่จะเลียนแบบด้วยเพราะนั่นแหละคือการสร้างอัจฉริยะขององค์กรที่จะเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ผู้เขียนเองสังเกตองค์กรอัจฉริยะทั้งหลายที่ไปเป็นที่ปรึกษาในการพัฒนาอัจฉริยภาพ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, Leo Group of companies, Tipco, Thai Airway, PQ Chemical, Oracle เป็นต้น องค์กรเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ประดิษฐ์ประดอยวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับความถนัดเชิงอัจฉริยภาพและสร้างระบบเรียนรู้เพื่อพัฒนาเอกลักษณ์ของตัวเองให้เกิดความโดดเด่นอย่างเป็นรูปธรรม

คุณสร้างดุลยภาพระหว่างวิสัยทัศน์กับอัจฉริยภาพของบุคคลากรและองค์กรคุณแค่ไหน
         หลายคนมักจะกล่าวว่าความฝันของผมไม่เคยเป็นความจริงหรือองค์กรผมสร้างวิสัยทัศน์แต่ไม่เคยเป็นรูปธรรมขึ้นมาสักทีหนึ่ง ไม่ผิดที่เราจะฝันแต่จำเป็นที่จะต้องสร้างดุลยภาพระหว่างความฝันกับความสามารถที่จะสร้างความฝันให้เกิดเป็นความจริงขึ้นมาให้จงได้ เพราะถ้าเรามีความถนัดที่ไม่สอดคล้องกับความฝันของเราบางครั้งอาจจะะกลายเป็นกับดักของความฝันหรือที่ฝรั่งเขามักจะเรียกว่า Vision trap
         ผู้เขียนเคยไปช่วยนักกีฬาระดับชาติหลายท่านที่มีความมุ่งมั่นที่อยากจะเป็นแชมป์ เขาเหล่านั้นมักจะเข้าใจความสัมพันธ์ของเป้าหมาย ความถนัดและหยาดเหงื่อและแรงงานที่ต้องลงทุนลงแรงเพื่อสร้างความฝันให้เกิดเป็นความจริงขึ้นมา ถ้าเราสร้างความสัมพันธ์ที่ถูกต้อง เรารู้ว่าตัวเราหรืองค์กรของเรามีพื้นฐานความถนัดตรงไหนที่โดดเด่น และเราสร้างวิสัยทัศน์เพื่อขับความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนออกมาให้เกิดความสนุกในการเดินทางในการสร้างความฝันนั้นโดยใช้อัจฉริยภาพที่เรามีเพื่อข้ามอุปสรรคทั้งหลายด้วยความสนุก การที่ได้มาซึ่งชัยชนะและแชมป็เปี้ยนก็จะมีความหมายทั้งระหว่างการเดินทางที่สนุกและการพิชิตเป้าหหมายที่มีคุณค่า
        ผู้เขียนเองเคยเจอเด็คนหนึ่งที่มีความฝันว่าอยากเป็นแชมป์โลกนักกระโดดน้ำซึ่งดูเหมือนเป็นความฝันที่มีความหมายและท้าทายแต่ที่สำคัญเขาว่ายน้ำไม่เป็นและกลัวความสูงซะด้วยทำให้ความสมดุลย์ระหว่างเป้าหมายและความสามารถไปกันคนละแกนและที่สำคัญเขากำลังหาทางลัดสู่การเป็นแชมป์โดยต้องการเป็น hero แต่ไม่อยากเหนื่อย ปกติแล้วจะไม่มีความลัดสู่ความสำเร็จ หลังจากที่มีการทำ leadership bluprint หรือพิมพ์เขียวของวิสัยทัศน์เพื่อวิเคราะห์ความพร้อมและความตั้งใจจริงอย่างละเอียดแล้วเด็กคนดังกล่าวปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตัวเอง ความถนัดและความสนุกในการพัฒนา จึงตั้งเป้าหมายที่จะมาเล่นเทนนิสแทนที่จะเป็นการกระโดดน้ำ สิ่งที่สำคัญก็คือการกระโดดน้ำเป็นความต้องการของพ่อแม่ไม่ใช่ตัวเด็กในขณะที่ความสนุกของการพัฒนาการเป็นแชมป์เทนนิส เด็กมีความสนใจและรู้สึกว่าตัวเองถนัดกว่าและที่สำคัญก็คือความกล้าในการเดินทางสู่ความสำเร็จเป็นสิ่งที่สนุกและคุ้มค่ากับหยาดเหงื่อและแรงงานที่จะลงทุนลงแรงสร้างให้มันเกิดขึ้น  ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้นำองค์กรหรือผู้ร่วมทีมที่อยากจะสร้างเป้าหมายสู่ความสำเร็จหรือเป็นส่วนหนึ่งของทีมแชมป์เปี้ยนคงต้องตอบคำถามดังเด็กคนนั้นให้ดีว่าความหมายในการพิชิตเป้าหมายมันให้คุณค่ากับคุณและผู้ร่วมเดินทางอย่างมีรสชาติมากน้อยแค่ไหน ถ้ายังไม่ยอมเหนื่อยให้กลับมาดูบันไดขั้นแรงและขั้นที่สองที่เป็นรากฐานสำคัญก็คือวิสัยทัศน์และความถนัดมันมีสัมพันธ์กันมากน้อยขนาดไหน เมื่อไหร่ทึ่เกิดดุลยภาพความกล้า ความสนุกและความมั่นใจก็จะเกิดขึ้น ถ้าหลายคนยังไม่แน่ใจลองโทรมาคุยกับผู้เขียนได้ที่ Asia pacific Innovation Center 714-4462 หรือคุยกันทาง internet id: kris@mozart.inet.co.th



 
โดย อาจารย์กฤษณ์ รุยาพร  E-mail : kris@e-apic.com, Mobile 081-617-7785 
บทความได้รับการเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์


Home    l    About Us    l    Education Program    l    Consulting    l    Clients    l    Online Test
Books & Multi    l    Apic Leadership Review    l    Contact Us