การพัฒนาภาวะผู้นำเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนในองค์กรเพราะการวางกลยุทธในการบริหารโอกาสที่มีอยู่สามารถทำได้จากการพาทีมผู้บริหารไปปลีกวิเวกเพื่อมองโอกาสที่วิ่งเข้ามาอยู่ตลอดเวลา บางองค์กรไปวางแผนช่วงเสาร์อาทิตย์แต่เมื่อต้องลงมือสร้างโอกาสกลับไม่สามารถหาทีมผู้นำที่รู้ใจที่สามารถแปรเปลี่ยนโอกาสให้กลายเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้ทำให้ความฝันที่จะบริหารโอกาสที่ผ่านเข้ามายังกลายเป็นความฝันเหมือนเดิม
บันได 5 ขั้นในการสร้างผู้นำ
ผู้เขียนเองมีประสบการณ์ในการเป็นที่ปรึกษาของ CEO เพื่อวางหลักสูตรในการเพื่อพัฒนาทีมผูู้บริหารระดับสูงในองค์กรชั้นนำทั้งในประเทศไทยและในเอเซียนเพื่อสร้างผู้นำสายพันธ์ุใหม่ที่สามารถนำพาองค์กรให้เกิดการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน จากหลักสูตรที่ประสบความสำเร็จในการสร้างผู้นำในองค์กรขนาดใหญ่ทำให้มีเสียงเรียกร้องที่เกิดขึ้นจากองค์กรสายพันธุ์ใหม่ที่มีขนาดกลางที่ต้องการขยายตัวเป็นองค์กรชั้นนำในอาเซียนและมีต้องการพัฒนาทีมผู้บริหารระดับกลางให้สามารถเป็นผู้นำองค์กรที่มีความคิดอ่านที่เป็นเสมือนเถ้าแก่มืออาชีพเพื่อสร้าง Executive Leadership School ที่เป็นสถาบันที่นำระบบการเียนรู้ระดับ World class มาผสมผสานกับการบริหารที่ใช้ภูมิปัญญาแบบตะวันออกโดยได้วางบันได 5 ขั้นในการพัฒนาภาวะผู้นำได้แก่
1. ค้นหาเอกลักษณ์และพรสวรรค์ในการสร้างภาวะผู้นำ
ผู้นำแต่ละคนมีความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน บางครั้งผู้จัดการที่ดีหลายคนพยายามที่จะเป็นผู้นำโดยลอกเลียนแบบหลักการของคนอื่นแต่ไม่รู้จักความโดดเด่นของตัวเองที่ติดมากับตัวทำให้เป็นที่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ใช้พรสวรรค์ที่มีอยู่อย่างเป็นธรรมชาติ
ผู้นำสายพันธุ์ใหม่ที่เข้าเรียนหลักสูตรผู้นำที่ Executive leadership school จำเป็นที่จะต้องสำรวจ ค้นหาและชื่นชมธรรมชาติของเอกลักษณ์และพรสววรค์ที่มีอยู่โดยใช้แบบสอบถามความถนัดเชิงอัจฉริยภาพหรือที่เรียกว่า Multi-Dimension Intelligence Profile Assessment ที่สามารถสะท้อนถึง Unseen leadership Potential ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน
2. ปลดปล่อยอัจฉริยภาพผู้นำด้วยกระบวนการ Leadership adventure
การสะกิดอัจฉริยภาพของผู้นำที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมดั่งคำที่ว่า “สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ” การดีไซน์รูปแบบของการผจญภัยเพื่อสร้างสถานการณ์ที่ทำให้ผู้นำต้องแสดงศักยภาพให้ปรากฎเป็นปจััจัยที่สำคัญเพื่อให้ผู้นำรุ่นใหม่เชื่อมั่นในศักยภาพของตนเองที่มีอยู่ภายใน
ถ้าทีมของผู้นำสามารถสะท้อนเอกลักษณ์ออกมาได้อย่างโดดเด่นในแต่ละสถานะการณ์ทั้งยังได้รับการชื่นชมซึ่งกันและกันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นที่เรียกว่า Win Small but Win often เพิ่มความั่นใจที่ละน้อยแต่ลงลึกในระดับจิตใต้สำนึกก็สามารถสะท้อนเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ในการเป็นผู้นำ
3. วางพิมพ์เขียวเพื่อโอกาสในการวางเป้าหมายของโครงการในฝัน
เมืื่อตระหนักถึงศักยภาพของพรสวรรค์ที่อยู่ภายในการวางพิมพ์เขียวเพื่อสร้างโครงการในฝันที่สามารถสะกิดความเก่งออกมาให้ประจักษ์เป็นสิ่งจำเป็น การเรียนรู้จากการผจญภัยเป็นการจำลองรูปแบบของโครงการที่ตรงกับอุปนิสัยพื้นฐานของผู้นำที่มีอยู่ในตัวเรา
ผู้นำบางคนเก่งเรีื่องการมองโอกาส เมื่อได้โครงการในการสร้างนวัตกกรรมใหม่ๆให้กับสินค้าและบริการ เขาก็จะกลายเป็นผู้นำที่โดดเด่นได้อย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกันผู้นำบางคนเก่งในเรื่องคน เมื่อได้โครงการในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ เขาก็จะกลายเป็นนักประสานหัวใจและเป็นผู้นำที่พาทีมงานไปในเส้นทางเดินสายใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ
4. พัฒนาพรแสวงในการสร้างพรสวรรค์ให้กลายเป็นอัจฉริยภาพของผู้นำ
เมื่อเป้าหมายของโครงการในการพัฒนาการชัดก็จะเกิดแรงบันดาลใจในการใฝ่หาความรู้ใหม่ๆเพื่อมาเสริมทักษะให้กับตัวเอง ผู้เขียนเองได้จัดทีม CEO ที่มีประสบการณ์มาเป็นทีมคณาจารย์เพื่อสอนทักษะที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จทั้งยังเป็น Coach ในโครงการเพื่อช่วงเป็นกระจกสะท้อนและสะกิดมุมมองใหม่ๆในการพัฒนาพรแสวง
การจับคู่ Coach และทีมอาจาย์ที่มีอุปนิสัยพื้นฐานที่อยู่ในมิติเดียวกันกับผู้เรียนเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เพราะมีการศึกษากันอย่างมากถึงการพัฒนาผู้นำที่เรียกว่า Leadership Mirror Neuron หรือ ทฤษฎีการพัฒนาผู้นำกระจกเงาที่เราจะเรียนรู้ได้จากผู้นำต้นแบบที่มีการใช้ในสมองที่มีความโดดเด่นคล้ายคลึงกัน
5. ชื่นชมความสำเร็จและความสุขจากคนสำคัญของคุณ
การสร้าง Hall of Fame เป็นการชื่นชมความสำเร็จของการพัฒนาภาวะผู้นำที่เป็นเสมือนบันไดส่งความสำเร็จที่เป็นเสมือนลมส่งท้าย ถ้าความสำเร็จนี้ไ้รับการยกย่องและชื่นชมการเปลี่ยนแปลงจากคนสำคัญรอบๆตัวจะกลายเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่เป็นก้าวสำคัญของการเป็นผู้นำ
ผู้นำท่านหนึ่งสะท้อนให้ผู้เขียนฟังอย่างน่าสนใจว่า “หลักสูตร Executive leadership Shool ของผู้เขียนได้ทำให้เขาไม่เพียงประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแต่ยังที่ให้คนสำคัญที่บ้านโดยเฉพาะลูกและภรรยาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในการเป็นผู้นำที่อบอุ่นและสร้างความสัมพันธ์ที่แนบแน่นในครอบครัวด้วย”
โดย อาจารย์กฤษณ์ รุยาพร E-mail : kris@e-apic.com, Mobile 081-617-7785
บทความได้รับการเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์
