Leadership Coaching with Multi-Dimension Intelligence Tech,
Art and Drama Therapy
โค้ชผู้นำด้วยเทคโนโลยี่ในการค้นหาอัจฉริยภาพ ศิลปะและการแสดงบำบัด
การปลดปล่อยศักยภาพของผู้นำที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในให้เจิดจรัสออกมาเป็นทั้งศาสตร์และศิลปะในการสะกิดความเก่งและปลดล็อกของข้อจำกัดในอดีตที่ผ่านมาซึ่งเป็นตัวขวางกั้นมิให้ผู้นำหลายท่านสามารถใช้พลังอัจฉริยภาพที่เก็บไว้ภายในอย่างเต็มที่
ผู้เขียนมีโอกาสได้เป็นโค้ชของ CEO ชั้นนำที่ต้องการจะยกระดับความสามารถในการนำองค์กรให้ก้าวข้ามไปในระดับแนวหน้าของเอเซียในระดับธุรกิจหมื่นล้านซึ่งต้องเปลี่ยนแปลงและต้องปรับบทบาทใหม่จากเดิมที่เป็นผู้นำด้วยการใช้สมองเพื่อมองภาพรวมของวิสัยทัศน์ข้างหน้าและกระตุกให้ทุกคนเดินตามโดยปรับบทบาทให้กลายเป็นผู้นำที่เป็นลมส่งท้ายที่สร้างความรัก ความอบอุ่นในการเป็นผู้ประสานสิบทิศ
บทบาทใหม่นี้ผู้นำเป็นเสมือนคอนดักเตอร์ที่เป็นดั่งลมส่งท้าย เพื่อประสานจังหวะและทิศทางที่ผสมผสานความเก่งร่วมกันเป็นทีม การปรับการตั้งศูนย์พลังในการนำองค์กรในวัฏจักรขององค์กร (Corporate Life Cycle) ใหม่จำเป็นต้องค้นหาพลังของต่อมสุขใจของผู้นำที่ยังไม่ได้ใช้งานซึ่งหลายครั้งเกิดจากยึดติดกับโซ่ตรวนของกับดับของกรอบความคิดเดิมในอดีต
บันได 3 ขั้นในการปลดล็อคข้อจำกัดนี้ก็คือ
1. การใช้เทคโนโลยี่ในการค้นหาอัจฉริยภาพ
หลายครั้งเมื่อเรามีประสบการณ์ในอดีตที่ฝังจำและบางครั้งเป็นค่านิยมที่ครอบครัวหรือสังคมกำหนดขึ้นมาซึ่งอาจจะตรงกันข้ามกับอุปนิสัยพื้นฐานที่เป็นจิตใต้สำนึกของเราทำให้เราต้องสร้างเกราะกำบังเพื่อลดการใช้พลังของจิตใต้สำนึกในส่วนนั้นลง กลายเป็นพลังของผู้นำที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน
ผู้นำท่านหนึ่งที่ผู้เขียนได้ใช้เทคโนโลยีของแบบสอบถามในการค้นหาความถนัดเชิงอัจฉริยภาพ (Multi-Dimension Intelligence Profile Technology) ซึ่งเป็นวิทยาศาตร์ในการค้นหาพลังของต่อมสุขใจที่อยภายใน ซึ่งพบว่าผู้นำท่านนี้มีความสามารถในการ harmonize ประสานใจคนได้อย่างผู้ประสานสิบทิศโดยสามารถต่อท่อทางใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ เขาสามารถใช้ความสามารถพิเศษนี้กับคนที่อยู่รอบข้างได้ คนรอบข้างสามารถสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของการใส่ใจ
แต่เมื่ออยู่ในงานกลับพบว่าเขากลับสั่งจิตให้ต้องใช้สมองมากกว่าหัวใจซึ่งดูเหมือนจะไม่ใช่ character ของเขานอกงานเลยเพราะในครอบครัวมีค่านิยมว่าลูกผู้ชายต้องเป็นช้างเท้าหน้าต้องไม่อ่อนแอต้องเป็นผู้นำที่เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว ทำให้เมื่ออยู่ในบทบาทของผู้นำองค์กรเขากลับกลายเป็นคนละคน
การใช้แบบสอบถามนี้ทำให้เขาได้เป็นกระจกสะท้อนถึงการที่เขามีต่อมสุขใจมากกว่าหนึ่งอย่างมีทั้งความเก่งในการใช้สมองมองภาพรวม Conceptual เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในขณะเดียวกันก็ยังมี Harmonize ก็คือการประสานใจที่มิได้ขับความสามารถนี้ออกมาเท่าที่ควร
2. การใช้ศิลปะเพื่อเข้าถึงจิตใต้สำนึกที่ทรงพลัง
เมื่อเขาได้สัมผัสกับการใช้ศิลปะบำบัดเพื่อสะท้อนถึงตัวตนที่แท้จริงที่เป็นขุมพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในเมื่อมีโอกาสเขียนรูปภาพของตัวตนของตัวเองโดยใช้ศิลปะบำบัดกลับทำให้เขาผ่อนคลายและลดกำแพงของขีดจำกัดและสามารถเข้าใจตัวตนที่เป็นนัก Harmonize ที่สามารถเป็นเสมือนกาวใจที่่ทำให้คนที่อยู่รอบข้างเห็นคุณค่าของตัวเองและมีคุณค่ามากขึ้นเมื่อได้ร่วมถ่ายทอดพลังดีๆ ร่วมกับเขา บทบาทนี้ทำให้ผู้ที่อยู่รอบข้างสามารถปลดปล่อยศักยภาพในตัวเองได้อย่างเต็มที่และอุ่นใจเมื่อมีเขาเดินอยู่เคียงข้าง
3. การใช้การแสดงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการปลดปล่อยขุมพลัง
การใช้การแสดงในการ Focus ในการดึงเอาพลังบวกมาใช้เปรียบเสมือนฝึกการใช้แว่นขยายเพื่อรวมแสงแดดให้กลายเป็นพลังงานความร้อนเป็นการฝึกฝนเพื่อสร้างทักษะและเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นในการปลดปล่อยขุมพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวเรา
การเล่นบทบาทดาราละครเวทีที่ต้องใช้สติเพื่อดึงเอาจุดสนใจของต่อมสุขใจซึ่งเป็นขุมพลังที่เรายังไม่ค่อยชำนาญให้เจนจัดเวทีมากขึ้น การได้สัมผัสกับดาราชันนำที่สามารถมีสมาธิในการดึงเอาความอัจฉริยะภาพของบทบาทที่เขาได้รับออกมาเป็นตัวละครเสมือนหนึ่งที่เขาเป็นบาบาทนั้นจริงๆ วิธีการนี้เป็นเทคนิคที่สามารถใช้ในการปลดปล่อยความเก่งที่มีอยู่ภายในให้เจิดจรัสขึ้นมา
การผสมผสานศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์ในการค้นหาอัจฉริยภาพ กับการใช้ศิลปะบำบัดร่วมกับการแสดงเพื่อสร้างทักษะและความเชื่อมั่นในการปลดปล่อยศักยภาพของผู้นำเป็นการผสมผสานอย่างองค์รวมที่สามารถปลดปล่อยศักยภาพทั้งสมองและหัวใจเพื่อสร้างภาวะผู้นำอย่างยั่งยืน
โดย อาจารย์กฤษณ์ รุยาพร E-mail : kris@e-apic.com, Mobile 081-617-7785
บทความได้รับการเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์
|
