E-APIC : Asia Pacific Innovation Center - The Leading Organization and Leadership Development Center

   มีผู้บริหารหลายคนมักจะมาถามผู้เขียนว่า ทำอย่างไรที่ทีมงานในองค์กรจะสามารถยิ้มได้เสมอเมื่อภัยมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางเศรษฐกิจที่กำลังรุมเร้าทั้งในและนอกประเทศในปัจจุบันนี้   การสร้างภูมิต้านทานด้วยการสร้างรอยยิ้มจากภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากต่อมสุขใจขององค์กร หรือที่เรียกกันว่า Organization Strategic Heartbeat เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ถ้าเราสามารถค้นหา เจียระไน ปลดปล่อย และสร้างวัฒนธรรมเพื่อหล่อหลอมให้เกิดเป็น DNA ของคนในองค์กรเพื่อสร้างความพร้อมในการยิ้มรับการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับความซับช้อนของความผกผันไม่ว่าจะใหญ่ซักเพียงไหนก็ตาม   ผู้เขียนมีโอกาสช่วยเป็นที่ปรึกษาองค์กรชั้นนำทั้งบริษัทไทยๆ และบริษัทข้ามชาติ เพื่อสร้างกระบวนการเพื่อหยุดสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นธรรมชาติขององค์กร เพื่อตั้งศูนย์ของพลังขับเคลื่อนที่เป็นบ่อเกิดรอยยิ้มในการเดินทางโดยมีบันได 3 ขั้นด้วยกันก็คือ D-N-A
D-D-Discover Organization Strategic heartbeat (ค้นหาต่อมสุขใจขององค์กร)   หลายองค์กรในช่วงของการเจริญเติบโต มักจะมีเงินมีทองไปลงทุนในธุรกิจหลากหลาย เพื่อสร้างความมั่งคั่งทางธุรกิจ แต่หลายองค์กรลืมกลับมามองตัวเองว่าธุรกิจที่เราทำใหม่นั้น ทีมงานของเรามีความสนุกเขาได้ใช้ต่อมสุขใจที่เป็นสิ่งที่เขาชอบ สิ่งที่เขารัก สิ่งที่เขาเก่งและเป็นสิ่งที่เขาภูมิใจที่จะสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าคนสำคัญหรือไม่   ผู้เขียนเคยจัด Workshop เพื่อสร้าง Leadership และ Organization Awareness ให้กับ Top Team ของผู้นำองค์กรที่เริ่มเห็นความสำคัญในการหยุดสะท้อนธรรมชาติและเอกลักษณ์ของทีมผู้บริหารขององค์กร เพื่อโลดแล่นอยู่บนคลื่นของการเปลี่ยนแปลง เราได้ทำการวิเคราะห์ถึง 5 มิติของอัจฉริยภาพในการสร้างต่อมสุขใจขององค์กรนั่นคือ   - ความเก่งที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน
   - ทักษะที่ทำได้โดดเด่นในปัจจุบัน
   - ความชอบที่เป็นบ่อเกิดของพลังขับเคลื่อน
   - โอกาสทางธรกิจที่สร้างความยืนยงในอนาคตรวมทั้งความสามารถของคู่แข่งคนสำคัญ
   - ความสามารถในการบริหารรอยยิ้มทางอารมณ์ ทีมของผู้เขียนได้มีโอกาสทำการสร้างกระบวนค้นหา และวิเคราะห์ต่อมสุขใจขององค์กร โดยเริ่มจากทีมผู้บริหารระดับสูง ทีมผู้บริหารระดับปฎิบัติการตลอดจนผู้นำและ Talent Pool หรือ กลุ่มทีมงานที่เป็นอนาคตขององค์กร เมื่อเรารวมอัจฉริยภาพทั้ง 5 มิติเป็นภาพรวมขององค์กร ทำให้เราสามารถเห็นจุดที่เป็นบ่อเกิดของพลังองค์กร ยิ่งเรา Focus มากเท่าไหร่ ความสุขในการใช้ต่อมสุขใจก็ยิ่งมากขึ้น องค์กรชั้นนำแห่งหนึ่งทางด้านการเงิน ที่ทีมผู้เขียนมีโอกาสเป็นที่ปรึกษาในการวิเคราะห์ และสะท้อนต่อมสุขใจขององค์กรพบว่า ทีมงานที่เป็น Key Man ทั้งหลายชอบทางด้านการวิเคราะห์ และเป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงิน และยังมีความสามารถพิเศษที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน และไม่ค่อยได้ใช้ก็คือ ความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ในการเป็นเหมือนคุณหมอคนพิเศษ ที่สามารถวิเคราะห์โรคได้อย่างเชี่ยวชาญ และยังเป็นคนที่เคียงข้างในการเป็นกำลังใจในระหว่างสร้างความแข็งแกร่งทางสุขภาพ   เมื่อผู้บริหารเห็นความคมชัดของต่อมสุขใจของทีมงานก็เริ่มแยกแยะ และเน้นจุดที่ให้ความสำคัญและตัดสิ่งที่เป็นต่อมเครียดหรือสิ่งที่ทีมงานในองค์กรไม่สนุกและทำไม่ได้ดีออกไป เช่น งานทางด้าน I/T และงานด้านธุรกิารด้วยการ Outsource ออกไปและหันมา Focus ในการใช้ต่อมสุขใจเพื่อสร้างให้เกิดรอยยิ้มในการทำให้ตนเองและลูกค้าคนสำคัญมีความสุข

   N - Nurture with the right leader (สร้างผู้นำสายพันธุ์ใหม่ที่เป็นผู้นำต้นแบบ)   เมื่อผู้บริหารระดับสูงและทีม Human Resource เห็นภาพที่ชัดเจนว่า ต่อมสุขใจที่เป็นต่อมพลังบวกที่สร้างรอยยิ้มฝ่าวิกฤตอยู่ที่ใด สิ่งที่สำคัญที่จะสร้างบรรยากาศของรอยยิ้มให้เกิดขึ้นก็คือ ต้องสร้างผู้นำสายพันธุ์ใหม่ที่เป็นผู้นำต้นแบบที่สามารถจะสร้าง Best Practices หรือเรื่องราวของการสร้างรอยยิ้มดีๆ ในทุกระดับขององค์กรตลอดจน ผู้นำกลุ่มนี้จะต้องเป็นแบบอย่างในการสร้างความศรัทธา ด้วยการบริหารการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกตลอดเวลา   ยิ่งถ้าต่อมสุขใจของเขาเป็นไปในทางเดียวกับต่อมสุขใจขององค์กรด้วยแล้ว การทำให้ดูเป็นตัวอย่างก็จะเกิดขึ้นอย่างง่ายดายเพราะถ้าเขาทำสิ่งที่เขาชอบ ที่เขารัก ที่เขาเก่งและยังได้สร้างคุณค่าให้กับลูกค้าที่สำคัญด้วยแล้ว ทั้งเงินและความสุขใจในการเดินทางก็จะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ รอยยิ้มก็จะเกิดขึ้นอย่างธรรมชาติในทุกก้าวที่เขาเดิน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สัมผัสได้ทางอารมณ์ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ลูกน้อง ลูกพี่ และลูกๆที่บ้าน

   A - Architect the new DNA Blueprint (วางสถาปัตย์กรรมของพิมพ์เขียว DNA ใหม่)   การที่เรามีผู้นำสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถสาธิตรอยยิ้มให้ดูอย่างเป็นธรรมชาติในการฝ่าวิกฤต จะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการสร้างพิมพ์เขียวของ DNA และวัฒนธรรมใหม่ขององค์กร ในกระบวนการสร้างพิมพ์เขียวนี้ จำเป็นที่จะต้องได้ร่วมมือจากคนทุกระดับในองค์กร เพื่อเป็นราชทูตแห่งรอยยิ้ม หรือ SMILE Ambassador   ผู้เขียนและทีมงานมักจะช่วยองค์กรสร้าง Edutainment Package หรือคู่มือรวมทั้งหนังและสื่อต่างๆ ที่สามารถสื่อสารถึงเรื่องเราวดีๆ ของความสร้างสรรค์ที่เกิดจากการมีรอยยิ้มในการแก้ปัญหาวิกฤต โดยรวบรวม SMILE Best Practices ก็คือเรื่องราวสร้างสรรค์ดีๆ ในการลดต้นทุนในด้านต่างๆ ที่เกิดจากการร่วมมือของพนักงานทุกระดับ ตลอดจนการสร้างสรรค์โอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นด้วย โดยทีมของผู้เขียนจะร่วมกับผู้นำสายพันธุ์ใหม่จัดทั้ง Workshop และกิจกรรม รอยยิ้มต่างๆ ให้ทุกระดับในองค์กรได้มีโอกาสแต่งแต่มรอยยิ้มด้วยกัน   องค์กรชั้นนำหลายองค์กรกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าผู้นำองค์กรสร้างกระบวนการร่วมแรงค้นหาต่อมสุขใจให้กับคนทุกระดับในองค์กร ความคิดสร้างสรรค์ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกระดับขององค์ร และการสร้างรอยยิ้มในการฝ่าวิกฤต จะกลายเป็นความทรงจำที่ทำให้พนักงานทุกคนมีความรู้สึกมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือองค์กรฝ่าวิกฤตร่วมกัน