รากแก้วความสุข Grass Root of Authentic Happiness
[Date : 4 June 2022 ]
 
Talent iceberg of Leadership
[Date : 21 June 2022 ]
 
Unlock Leadership Potential(1)
[Date : 10 May 2022 ]
 
เจียระไนศักยภาพของต่อมสุขใจ : อาวุธลับของผู้นำสู้วิกฤต
 

 
เจียระไนศักยภาพของต่อมสุขใจ : อาวุธลับของผู้นำสู้วิกฤต



 
        ผู้บริหารและผู้นำทางธุรกิจหลายคนได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนกับผู้เขียน ในการนำเอาแนวคิดของผู้เขียนในหนังสือเล่มใหม่  “ถอดรหัสความสุข” มาใช้เพื่อเป็นอาวุธในการสะกิดพลังศักยภาพของต่อมสุขใจกับลูกน้องทีมงานตลอดจนลูกๆ ที่เขารักที่บ้าน ผู้นำเหล่านั้นได้กล่าวอย่างน่าสนใจว่า เขาได้เห็นดวงตาของลูกน้องและลูกๆ ลุกวาวอีกครั้ง หลังจากที่เหือดแห้งมานาน เขามองเห็นสภาวะทางอารมณ์ว่าเมื่อนึกถึงวันจันทร์เช้า ทั้งลูกน้องและลูกๆ ที่บ้าน ได้ส่งสัญณานเดียวกันก็คือ “It’s time to have fun” หรือ “ได้เวลาสนุกแล้วซิ”   ในวิกฤตระลอกใหม่ที่กลายเป็นระลอกคลื่นของความผันผวน ที่จับกระแสของความเปลี่ยนแปลงได้ยาก ถ้าเราพยายามปรับตัวโดยมิได้หันกลับมามองศักยภาพพื้นฐานที่แท้จริงที่อยู่ภายใน ก็จะทำให้เราหลงทางในการปรับตัวได้ง่าย เพราะการแกว่งของความผันผวนเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
         การเจียระไนด้วยการสร้างกระบวนการหยุดค้นหา เฝ้ามอง สร้างสรรค์ ฟังและต่อยอดศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในของตนเอง และคนสำคัญที่อยู่รายล้อมตัวเราเพื่อขับเคลื่อนต่อมสุขใจที่เป็นบ่อเกิดของพลังแห่งศักยภาพในระดับจิตใต้สำนึก (Subconscious) ประสานกับการพัฒนาความเก่งในด้านทักษะที่เกิดจากสมองในระดับจิตสำนึก เพื่อให้เกิดเป็นพลังและวุฒิภาวะของผู้นำที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในทุกรูปแบบ มีขั้นตอนพื้นฐานอยู่ 5 ขั้นคือ  
        1. หยุดค้นหาว่าธรรมชาติของต่อมสุขใจและต่อมเครียดของตัวเราคืออะไร   การหยุดถามตัวเองเป็นการเริ่มต้นสำรวจประสบการณ์ที่ผานมากับเรื่องราวและอารมณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต การมีเวลาย้อนกลับไปมองสภาวะทางอารมณ์จะทำให้เราตระหนักถึงต่อมพลังของศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเรา ซึ่งคนส่วนใหญ่จะใช่เพียงไม่เกิด 10% ของความสามารถที่มีอยู่   ผู้เขียนเคยเป็นที่ปรึกษาในการนำองค์กรฝ่าวิกฤต ซึ่งถ้าผู้นำองค์กรสามารถสะกิดต่อมสุขใจ และสร้างบรรยากาศในการต่อยอดความสุขด้วยการปลุกพลังร่วมของทีมงานได้ขึ้นมา 5-10% ก็สามารถที่จะได้พลังความคิดสร้างสรรค์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนในการทำธุรกิจ อีกทั้งยังสามารถสร้างสรรค์ต่อยอดในการบริหารโอกาสภายใต้วิกฤตนี้ได้อีกด้วย   บางครั้งเราไม่ได้ตระหนักและชื่นชมต่อมสุขใจนี้ เราก็จะไม่ได้ใช้มันเพื่อสร้างศักยภาพที่แท้จริงให้กับตัวเรา หลายคนอาจถูกการเปลี่ยนแปลงผลักดันให้ไปสะกิดต่อมเครียดโดยที่เราไม่รู้ตัว ทำให้เราไม่มีความสุขในการทำงานและก็สร้างมลพิษทางอารมณ์ให้เกิดขึ้นในทีมงานอีกด้วย วินาทีที่เรายอมรับและชื่นชมต่อมสุขใจอย่างแท้จริง จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการตื่นขึ้นมาตอนเช้าและเห็นแววตาที่ลุกวาวของตัวเราเอง   หลายองค์กรต้องการย่นเวลาในการค้นหาต่อมสุขใจ จึงนำแบบสอบถามความถนัดเชิงอัจฉริยภาพที่เป็นส่วนหนึ่งของ "หนังสือถอดรหัสความสุข” ของผู้เขียนมาช่วยเป็นเครื่องมือในการช่วยทีมงานรู้จักต่อมสุขใจได้เร็วขึ้น  
        2. เฝ้ามองภาวะทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากต่อมสุขใจและต่อมเครียดอย่างมีสติ   การเฝ้ามองอย่างมีสติและมีอุเบกขาคือการวางเฉย จะทำให้เรารู้จักมีอิสรภาพทางอารมณ์ ที่จะเลือกให้ผลลัพธ์ของอารมณ์ในแต่ละวันเป็นอย่างไร ถ้าอยากให้อารมณ์บวกก็จงทวีคูณการใช้ต่อมสุขใจเพิ่มสิ่งดีๆ และความสุขให้แก่คนรอบข้าง ตลอดจนเข้าใจระดับมลพิษที่เกิดขึ้นจากต่อมเครียด ซึ่งทำให้เรารู้ขีดจำกัดในการสร้างอารมณ์ลบ   ถ้าต่อมสุขใจของตัวเราคืองานบริการ และต่อมเครียดคืองานธุรการ เราก็สามารถจะวางตำแหน่งของดุลยภาพในการทำงานของตัวเรา และบริหารอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งถ้าเราให้บริการมากขึ้นต่อมสุขใจในระดับจิตใต้สำนึกจะขับพลังบวกจากใจ และถ้าเราฝึกฝนทักษะในการบริการด้วยการพัฒนาความเก่งในสมอง เพื่อช่วยคนรอบข้างได้มากเท่าไร เราก็จะทวีคูณความสุขใจได้มากขึ้นเท่านั้น ขณะเดียวกันเราก็จะรู้ข้อจำกัดในการทำงานธุรการของเรา และสามารถสร้างวิถีของเป้าหมายและทีมงานที่เกื้อกูลได้มากขึ้น  
        3. เริ่มสร้างสรรค์วิถีแห่งความสำเร็จโดยเอาต่อมสุขใจของเราเป็นศูนย์กลาง   จงสร้างคุณค่าและทวีคูณความสุขด้วยการใช้ต่อมสุขใจในการเติมคุณค่าให้กับตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ สร้างความสัมพันธ์กับคนที่เรารัก สร้างความสนุกในการทำงานตลอดจนสร้างคุณค่าให้กับสังคมและองค์กรที่เราอยู่ ถ้าเรามีจิตที่มุ่งมั่นทำวันนี้ให้ดีที่สุดและไม่ยึดติดกับผลลัพธ์ที่ได้ เราจะสามารถที่ดึงเอาศักยภาพไร้ขีดจำกัดซึ่งเป็นเสมือนพลังแม่เหล็กที่เหนี่ยวนำ และดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาช่วยเหลือและสนับสนุนให้เราสามารถเดินไปถึงเป้าหมายที่วางไว้
        4. ฟังธรรมชาติของต่อมสุขใจและต่อมเครียดของคนที่อยู่รอบข้าง ถ้าเราสามารถยกระดับการมองเห็นเป็นการชื่นชมความต่างที่มีอยู่รอบตัวเรา เราก็สามารถดึงดูดคนเหล่านั้นให้เป็นเทวดาและเทพธิดาเสริมดวงของเราได้ การฟังด้วยสมองมักจะเอาตัวตนของเราเป็นตัวตั้ง แต่เมื่อยามที่เราฟังด้วยหัวใจเราสามารถเข้าไปในหัวใจเขาได้จริงๆ เพราะสิ่งดีๆ ของคนรอบข้างมักจะมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ เพียงแค่เราเปลี่ยนรูปแบบของการฟัง เราจะได้ยินสิ่งดีๆ เหล่านั้นอย่างชัดเจน  
        5.  จงเปรียบตัวเองเป็นน้ำชาที่ไม่เต็มแก้วที่พร้อมรับสิ่งดีๆ จากคนรอบข้าง
 การเปิดใจกว้างและเข้าใจธรรมชาติอย่างปล่อยวาง จะทำให้เรามองเห็นความคิดสร้างสรรค์และความปรารถนาดีจากคนรอบข้าง ที่ให้เราลื่นไหลและต่อยอดความสุขอย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์ที่ได้มิเพียงสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดจากความคิดดีๆ เท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างสัมพันธ์ที่ดีอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่ยึดติด ก่อให้เกิดพลังแห่งการสร้างสรรค์หลอมรวมต่อยอดความสุขเป็นหนึ่งเดียว   ผู้นำหลายคนบอกผู้เขียนว่า ถ้าเราเริ่มต้นของปีใหม่ด้วยการนำเอาเคล็ดลับนี้ไปช่วยคนที่อยู่รอบข้างสามคน เพื่อสะกิดต่อมสุขใจในการนำศักยภาพที่อยู่ภายในมาสร้างเป็นความสำเร็จด้วยรอยยิ้มฝ่าวิกฤต และเขาเหล่านั้นก็ช่วยคนอีกสามคนทวีคูณกันไป เราสามารถทวีคูณการกระจายรอยยิ้ม เพื่อสร้างภูมิต้านทานภายใต้วิกฤต ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการนำรอยยิ้มของไทยหรือ Land of SMILE กลับมาเหมือนเดิม



 
โดย อาจารย์กฤษณ์ รุยาพร  E-mail : kris@e-apic.com, Mobile 081-617-7785 
บทความได้รับการเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์


Home    l    About Us    l    Education Program    l    Consulting    l    Clients    l    Online Test
Books & Multi    l    Apic Leadership Review    l    Contact Us