รากแก้วความสุข Grass Root of Authentic Happiness
[Date : 4 June 2022 ]
 
Talent iceberg of Leadership
[Date : 21 June 2022 ]
 
Unlock Leadership Potential(1)
[Date : 10 May 2022 ]
 
องค์กรอัจฉริยะ(Organization Intelligence)
 

องค์กรอัจฉริยะ "Organization Intelligence"


        องค์กรของคุณไม่ว่าเล็กหรือใหญ่สามารถที่จะขับพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในเพื่อสร้างให้เป็นองค์กรแห่งอัจฉริยะได้ทั้งสิ้น องค์กรอัจฉริยะคือ “องค์กรที่สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างชาญฉลาดพร้อมทั้งสามารถปรับตัวเพื่อสร้างความสามารถที่มีเอกลักษณ์ในการแข่งขันในการสร้างคุณค่าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง” เคล็ดลับที่สำคัญก็คือกระบวนการที่สร้างความฉลาด (S-M-A-R-T development process) ที่เริ่มตั้งแต่การสร้างจุดร่วมพลัง การเจียระไนพลังที่อยู่ภายใน การสร้างสถาปัตย์กรรมในการปลดปล่อยอัจฉริยภาพ ระบบการปรับตัวที่เรียนรู้การสร้างเสริมปัญญา ตลอดจนการมีวินัยในการสร้างเอกลักษณ์ของอัจฉริยภาพให้เจิดจรัสขึ้น
        วิกฤตเศรษฐกิจเป็นสถานะกาณ์ที่สามารถทดสอบถึงอัจฉริยะภาพขององค์กรได้เป็นอย่างดีว่า องค์กรไหนมีศักยภาพในการแข่งขันระดับไหน หลายองค์กรที่ล้มหายตายจากไปเนื่องจากว่าไม่ได้ประมาณตนว่าตัวเองนั้นมีอัจฉริยภาพในด้านไหนและความเก่งกาจนั้นอยู่ในมิติที่จะแข่งขันในระดับไหนของตลาดโลก เพราะเมื่อตลาดเงินทุนเปิดเรามักจะนำเงินทุนที่ไหลเข้ามามาสร้างความหลายหลายทางธุรกิจแต่หาได้สร้างอัจฉริยภาพขององค์กรในแนวลึกไม่ เมื่อเราขยายตัวในแนวกว้างแต่ไม่ได้ส่งเสริมความสามารถที่แท้จริงในแนวลึกทำให้เกิดความหลายหลายของการทำธุรกิจทำให้เงินที่มีอยู่กลายเป็นเบี้ยหัวแตก หลายองค์กรกลับมาถามตัวเองเมื่อเกิดความผกผันทางวิกฤตว่าถ้ามีทรัยพากรและเมล็ดเงินจำกัดเราจะต่อยอดความเก่งของเราในแกนไหนเพื่อที่จะสร้างอัจฉริยภาพของความเก่งกาจที่สามารถจะแข่งขันแบบมืออาชีพในตลาดโลกได้อย่างแท้จริง

อะไรคือองค์กรอัจฉริยะ?
        องค์กรอัจฉริยะคือ “องค์กรที่สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างชาญฉลาดพร้อมทั้งสามารถปรับตัวเพื่อสร้างความสามารถที่มีเอกลักษณ์ในการแข่งขันในการสร้างคุณค่าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง” ในสมัยก่อนนั้นโรงงานและเครื่องจักรคือเครื่องไม้เครื่องมือที่สำคัญแต่ในปัจจุบันนี้การเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาทางเทคโนโลยี่ได้ทำให้คุณค่าทางทรัพสินลดลงอย่างรวดเร็วแต่สิ่งที่สำคัญเพิ่มขึ้นก็คือพลังอัจฉริยภาพของคนที่อยู่ในองค์กรที่ขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความสามารถที่แข่งขันได้ไม่เฉพาะตลาดในประเทศแต่ต้องในตลาดโลกด้วย
        ดังนั้นพลังอัจฉริยภาพขององค์กรขึ้นอยู่กับการรวมอัจฉริยภาพส่วนบุคคลและสามารถดึงเอาพลังที่ซ่อนเร้นอยู่มาใช้ได้อย่างสูงสุดและสร้างกระบวนการในการประสานรวมทั้งสามารถพัฒนาให้เกิดการต่อยอดทางนวัตกรรมเพื่อคิดค้นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดพร้อมทั้งมีกระบวนการเรียนรู้และสร้างแนวทางในการปฏิบิตงานอย่างมืออาชีพที่หมั่นพัฒนาปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า
        การสร้างองค์กรอัจฉริยะเป็นกระบวนการที่ต้องเนื่องเพราะการเรียนรู้และการประสานที่เกิดขึ้นนั้นจำเป็นที่ต้องมีการหมุนไปอย่างต่อเนื่องและต้องมีการปรับปรุงทั้งในทิศทางที่จะนำพาความเก่งขององค์กร การสร้างกระบวนการปลดปล่อยอย่างมีประสิทธ์ภาพ การสร้างสถาปัตย์กรรมของทักษะในการต่อยอดอัจฉริยภาพ การประสานพลังกับวงจรของความต้องการที่หมุนอยู่ตั้งแต่ลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงานและสังคมที่อยู่ด้วย ตลอดจนการสร้างรูปธรรมจากความฉลาดสู่แนวปฏิบัติ ซึ่งกระบวนการนี้แบ่งเป็นห้าขั้นตอนด้วยกันหรือที่เราเรียกกันว่า

S-M-A-R-T organization development process
     S - Strategic Vision and cultural formation การกำหนดวิสัยทัศน์และวัฒนธรรม
     M - Manage intelligence empowerment process การเจียระไนพลังที่มีอยู่ภายใน
     A - Architect organization competencies การวางสถาปัตย์กรรมในการปลดปล่อยอัจฉริยภาพ
     R - Realign win-win learning system การสร้างระบบการเรียนรู้ขององค์กร
     T - Transform wisdom into action สร้างอัจฉริยภาพให้กลายเป็นเอกลักษณ์อย่างเป็นรูปธรรม

Strategic Vision and cultural formation การกำหนดวิสัยทัศน์และวัฒนธรรม
        องค์กรที่มีพลังและสามารถประสานอัจฉริยภาพในองค์กรจำเป็นที่จะต้องมีจุดประสงค์และเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่จะนำพาให้องค์กรสามารถก้าวไปข้างหน้าด้วยพลังที่สร้างสรรค์จากการปลดปล่อยอัจฉริยภาพของทุกคนในองค์กรตลอดจนสามารถที่จะสร้างความท้าทายในการปลดปล่อยพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในที่ยังไม่ได้ใช้จากบุคคลากรในองค์กรด้วย การสร้างวิสัยทัศน์เป็นศิลปะของผู้นำองค์กรที่ต้องสร้างกุศลโยบายในการประสานพลังแห่งความปรารถนาที่มีอยู่ในตัวบุคคลากรทุกคนไปสู่จุดมุ่งหมายที่กลายเป็นจุดร่วมอันยิ่งใหญ่ ผู้เขียนเองมีโอกาสเป็นที่ปรึกษาในการสร้างวิสัยทัศน์ขององค์กรตลอดจนวัฒนธรรมขององค์กรทั้งบริษัทข้ามชาติตลอดจนองค์กรสไตล์ไทยตั้งแต่ระดับ SME จนถึงขนาดใหญ่ ถ้าผู้บริหารระดับสูงสามารถใช้วิสัยทัศน์ได้อย่างถูกต้องแล้วการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ร่วมกันจะเป็นเครื่องมือในการสื่อสารพลังอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ในใจของคนในองค์กรที่ต้องการจะประสานพลังแห่งอัจฉริยภาพ เพราะถ้าหัวใจขององค์กรยังไม่มีพลังพอ การดึงเอาพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในก็เป็นไปได้ยาก
        ความฝันอันยิ่งใหญ่ของคนที่สามารถทำให้เขามีพลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าผ่านอุปสรรคต่างๆ อย่างไม่ย่อท้อฉันใด วิสัยทัศน์ที่ท้าทายขององค์กรก็เปรียบเสมือนความฝันที่ร่วมพลังอันยิ่งใหญ่ของทุกคนที่นอกจากจะร่วมพลังความฝันอันยิ่งใหญ่เข้าด้วยกันแล้วยังจำต้องสร้างรายละเอียดและความคมชัดในการสร้างความฝันให้เป็นความจริงด้วยเพราะการสื่อสารวิสัยทัศน์จำเป็นที่ต้องเข้าถึงคนทุกระดับในองค์กรทั้งความท้าทาย ความเชื่อมั่นในแนวทาง คำมั่นสัญญาของทุกคนในองค์กรที่จะสร้างให้เกิดความสำเร็จร่วมกันตลอดจนกำลังใจและความกล้าในการสร้างความฝันนั้นให้เกิดเป็นความจริงขึ้นมา
        นอกเหนือจากเป้าหมายที่คมชัดที่และมีความหมายแล้วค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การปลดปล่อยพลังแห่งอัจฉริยภาพขององค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธ์ภาพ ดุงดังบรรยากาศของครอบครัวและโรงเรียนมีความสำคัญในการพัฒนาการเจริญเติบโตของเด็กฉันใด บรรยากาศขององค์กรก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ถ้าครอบครัวมีค่านิยมที่ต้องการให้ลูกเรียบร้อยเหมือนผ้าผับไว้ ทำตามใจของผู้ปกครอง ไม่ต้องการเด็กซน ความสามารถทางความคิดและจินตนาการก็ไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มที่ หรืออาจะจะไม่ต้องใช้ด้วยซ้ำไป แต่การสร้างองค์กรแห่งอัจฉริยะนั้นจำเป็นที่จะต้องสร้างบรรยากาศให้ทุกคนในองค์กรสามารถแลกเปลี่ยนแนวความคิดยอมรับไอเดียและส่งเสริมการต่อยอดของความคิดเพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์ที่พัฒนาให้ดีไปกว่าเดิม รวมทั้งการผลักดันให้เกิดแนวความคิดเชิงนวัตกรรมสมัยใหม่จากการเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์พื้นฐานให้เกิดป็นปัญญาเพื่อสร้างสรรค์สื่งใหม่ๆ แต่บรรยากาศใหม่ในการประสานอัจฉริยภาพนี้ต้องเปลี่ยนแปลงกรอบความคิดจากเดิมในการต้องการนักปฏิบัติที่ดีการเป็นนักคิดที่มีจินตนาการ

M - Manage intelligence empowerment process การการเจียระไนพลังที่มีอยู่ภายใน 
        เมื่อองค์กรมีความพร้อมทั้งเป้าหมายที่มีพลังรวมทั้งบรรยากาศและวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอัจแริยภาพ ผู้บริหารในองค์กรจำเป็นที่จะต้องมีความสามารถในการเจียระไนและปลดปล่อยอัจฉริยภาพของบุคคลากรในองค์กรทั้งยังต้องสร้างทักษะในการค้นหาพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน บางองค์กรเริ่มจากการรับคนที่เห็นคุณค่าของตัวเองและพร้อมที่จะพัฒนาคุณค่าที่มีอยู่ภายในให้เจริญงอกงามขึ้นมา ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจนี้บางองค์กรสนใจเป็นอย่างมากในการพัฒนาความสามารถที่มีอยู่ในองคืกรแต่เรายังไม่ได้ปลดปล่อยออกมา ถ้าเราสามารถปรับกรอบความคิดพื้นฐานว่าทุกคนมีความสามารถขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และศิลปะของการเจียระไนเพชรที่มีอยู่ในตัวของแต่ละคนให้เจิดจรัสให้มากที่สุด เมื่อกรอบความคิดในการพัฒนาการเริ่มขึ้นคนเราก็จะเริ่มมองหาความสามารถในตัวเอง ถ้าใครสนใจบทเรียนของผู้ประสบความสำเร็จทั้งหลาย ผู้เขียนได้รวบรวมแนวทางในการค้นหาและสร้างหนทางสู่ความสำเร็จในหนังสือ “พลังแห่งอัจฉริยภาพ” และ “กลยุทธ์สู่การปลดปล่อยอัจฉริยภาพ” ซึ่งทั้งสองเล่มจะกล่าวโดยละเอียดถึงกระบวนการในการเปลี่ยนกรอบความคิดเพื่อสร้างความมั่นใจในตัวเอง การค้นหาพลังความสามารถที่สะสมอยู่ การตั้งเป้าประสงค์ที่มีความหมาย ศิลปะในการเจียระไนตลอดจนการเสริมสร้างพลังแห่งอัจฉริยภาพ ถ้าองค์กรที่ต้องการสร้างอัจฉริยภาพจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเสริมสร้างกระบวนการคิดนี้ให้เกิดขึ้นในพนักงานทุกระดับเพื่อให้ทุกคนนำเอาพลังที่มีอยู่ในตัวให้ออกมาใช้อย่างมีประสิทธิ์ภาพสูงสุด นอกเหนือจากนั้นแล้วทุกคนก็จะมี Leadership intelligence blueprint หรือพิมพ์เขียวของตัวเองในการพัฒนาภาวะผู้นำซึ่งจะประกอบด้วยความถนัดเชิงอัจฉริยภาพ เป้าหมายที่คมชัดทั้งในระยะยาวและสั้นพร้อมกับเนื่อหาของงานที่ชอบและไม่ชอบ รวมทั้งกลุทธ์การเจียระไนให้เข้ากับบุคคลิกภาพของตัวเองมากที่สุดซึ่งจะทำให้ทุกคนมีความั่นใจและเห็นแนวทางที่เด่นชัดในการดึงเอาอัจฉริยภาพที่มีอยู่มาใช้ให้สูงสุด ถ้าสนใจในรายละเอียดสามารถโทรมาคุยกันได้ที่บริษัทเอเซีย แปซิฟิก อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ 714-4462 หรือที่ผ่าน internet ตามที่อยู่ข้างบนก็ได้ ผู้เขียนยินดีที่จะแลกปลี่ยนประสบการณ์และแนวคิดในการพัฒนาอัจฉริยภาพ

A - Architect organization competencies การวางสถาปัตย์กรรมในปลดปล่อยอัจฉริยภาพ
        ถ้าองค์กรมีความพร้อมทั้งเป้าหมายที่คมชัด บรรยากาศที่ให้กำลังใจและเน้นการประสานอัจฉริยภาพตลอดจนสร้างพิมพ์เขียวและกระบวนการในการเจียระไนอัจฉริยภาพ องค์กรจำเป็นที่จะต้องสร้าง methodologyหรือ กระบวนการในปฎิบัติที่สร้างระเบียบและการสื่อสารพลังร่วมตั้งแต่กรอบความคิดในการมองปัญหา การติดสินใจและการหาแนวคิดหาทางเลือก การบริหารการเปลี่ยนแปลง การสื่อสารและสร้างสัมพันธ์ และการประสานการต่อยอดความคิดของทีมงาน ในการสร้างความสามารถในการสร้างมาตราฐานของกระบวนการหรือ methodology ในการปฏิบัตินั้น ผู้เขียนเองมีเสียงเรียกร้องจากองค์กรต่างๆให้จัดรวบรวมแนวคิดเพื่อพัฒนาสถาปัตยกรรมเพื่อสร้างแนวคิดของพนักงานในทางเดียวกันโดยจัดเป็นหลักสูตรขึ้นมา สำหรับหลักสูตรยอดนิยมที่องค์กรส่วนใหญ่ต้องการใส่ไว้เป็นสถาปัตย์กรรมในการส่งเสริมการประสานอัจฉริยภาพของทุกคนในองค์กรมีอยู่ 4 หลักสูตรที่สามารถพัฒนาเป็นกระบวนการปฏิบัติในองค์กรได้ก็คือ
     Innovative problem analysis and decision making (การวิเคราะห์ปัญหาและการตัดสินใจเชิงนวัตกรรม)
เป็นการสร้างทักษะในการจัดการกับปัญหาอย่างมีระบบเริ่มจากการมองปัญหาด้วยแนวทางการวิเคราะห์เพื่อสร้างกรอบความคิดที่ถูกต้อง การสร้างบรรยากาศในการปลดปล่อยความคิดพร้อมทั้งเข้าใจและเคารพการประสานอัจฉริยภาพตลอดจนสร้างจินตนาการและทางเลือกที่หลากหลาย การสร้างกระบวนการตัดสินใจในการสร้างทางเลือกที่ชาญฉลาดรวมทั้งการสร้างการติดตามผลในการสร้างรูปธรรมในการตัดสินใจ
     Change management (กลยุทธ์การบริหารการเปลี่ยนแปลง)
เมื่อหาทางเลือกของการแก้ปัญหาได้แล้วการสร้างรูปแบบใหม่ในการสร้างรูปธรรมต้องเริ่มตั้งแต่การวางแผนโครงการของการเปลี่ยนแปลงว่าจะต้องมีอะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมต้องการทรัพยากรและกำหนดตารางเวลาเพื่อมอบหมายงานและการประสานขั้นตอนต่างๆเพื่อให้สามารถบริหารการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธ์ภาพตลอดจนเข้าใจอุปสรรคในแต่ละช่วงของการบริหารโครงการ  ถ้าพนักงานในองค์กรเชี่ยวชาญการบริหารการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นธรรมชาติการพัฒนาอัจฉริยภาพจะเกิดความต่อเนื่องด้วย
     Relationship innovation and emotional intelligence (การสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ การสื่อสารและความฉลาดในการประสานอัจฉริยภาพ)
สิ่งที่สำคัญในการต่อยอดอัจฉริยภาพก็คือการสร้างพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่แนบแน่นการเข้าถึงจิตใจและสร้างสายสัมพันธ์รวมทั้งการสร้างบัญชีแห่งความประทับใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสัมพันธ์ภาพที่ดีตลอดจนความสามารถในการสื่อสารความคิด การประสานความเก่งและการเปลี่ยนความต่างและความขัดแย้งให้เกิดเป็นโอกาสและความฉลาดขององค์กร
     Hi trust Hi-performance team(การสร้างทีมงานที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังและศักยภาพ)
การสร้างทีมงานที่รู้ใจกันและสามารถจังหวะในการปรับกระบวนความคิดจดังนักดนตรที่สามารถประสานบทเพลงให้เกิดความไพเราะเป็นศิลปะและกระบวนการที่องค์กรจะต้องแปรเปลี่ยนอัจฉริยภาพส่วนบุคคลให้กลายเป็นอัจฉริยภาพขององค์กรพร้อมทั้งสามารถที่จะรู้วิธีการมอบหมายหน้าที่ตามความถนัดและบริหารความสำเร็จของทีมงานอย่างเป็นระบบ
หลักสูตรทั้ง 4 เป็นการผสมผสานสถาปัตย์กรรมที่สำคัญที่ทำให้เกิดกระบวนการในการหมุนพลังแห่งอัจฉริยภาพให้ไปในทิศทางเดียวกันซึ่งถ้าองค์กรไหนพัฒนาการผสมผสานให้เข้ากับวิสัยทัศน์ค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรและอัจฉริยภาพของศักยภาพของคนในองค์กรก็จะกลายเป็นความกลมกลืนในการรวมพลังในองค์กรให้กลายเป็นหนึ่งเดียว

R - Realign win-win learning system การสร้างระบบการเรียนรู้ขององค์กร
        เมื่อองค์กรมีการสร้างความสามารถในการประสานอัจฉริยะให้เป็นหนึ่งเดียว การสร้างระบบของการเรียนรู้และการปรับความสามารถจะทำให้เกิดการต่อยอดของอัจฉริยภาพเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการใช้อัจฉริยภาพที่มีอยู่อย่างชาญฉลาดเพื่อให้เกิดคุณค่าทั้งภายในองค์กรและภายนอกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ การลูกค้าคนสำคัญ พนักงานในองค์กร ผู้ถือหุ้นและสังคมโดยส่วนรวมนับเป็นสิ่งที่สำคัญ ผู้เขียนเองได้แนวความคิดของการสร้าง Intelligence nervous system ขององค์กรจากคุณอาภรณ์ ศรีพิพัฒน์อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทไมโครซอพท์ ประเทศไทย และปัจจุบันเป็นประธานของกลุ่มบริษัท ภูมิซอพท์และ SIT ซึ่งได้พัฒนาระบบ software ที่เรียกว่า COACH เพื่อช่วยบริหารอัจฉริภาพขององค์กรให้เกิดการเรียนรู้และการปรับตัวในการลงทุนเพื่อพัฒนาอัจฉริยภาพพร้อมทั้งรู้จุดเด่นและอัจฉริยภาพของบุคคลากรในองค์กร โดยสามารถที่จะค้นหา สร้างแผนพัฒนาการให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ วัฒนธรรมในแต่ละช่วงของการเจริญเติบโตรวมทั้ง competencies หรือจุดโดดเด่นขององค์กร นอกจากมีระบบการปรับอัจฉริยภาพที่คล่องตัวแล้ว การสร้างระบบการวัดผลภายในองค์กร หรือ win-win evalution เพื่อเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของอัจฉริยภาพองค์กรกับการก็ประโยชน์กับการทำธุรกิจนับเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ในการปรับแนวทางการพัฒนาเป็นอย่างมาก ผู้เขียนเองมีโอกาสสร้างกระบวนการ Customer benchmarking ซึ่งเป็นการประสานอัจฉริยภาพกับผู้ที่เราให้บริการซึ่งได้แก่กลุ่มลูกค้าจะเป็นการให้ความต้องการที่แท้จริงของอัฉริยภาพเพราะความต้องการนี้มีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอดังนั้นระบบการเรียนรู้จากสภาวะแวดล้อมและความพร้อมขององค์กรจะสร้างประโยชน์สูงสุดกับคุณค่าขององค์กรที่มีอยู่ตลอดจนสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสมกับความผกผันที่แปรเปลี่ยน

T - Transform wisdom into action สร้างอัจฉริยภาพให้กลายเป็นเอกลักษณ์อย่างเป็นรูปธรรม
        กระบวนการสุดท้ายเป็นการรวมรวมเอากระบวนทั้ง 4 แล้วหล่อหลอมให้เกิดเป็นปัญญาแก่ผู้ปฏิบิติการเพื่อสร้างเป็นเอกลักษณ์ของการปฎิบัติงานอย่างเป็นรูปธรรมเพราะการสร้างอัจฉริยภาพขององค์กรทั้งในแนวการสร้างวิสัยทัศน์ วัฒนธรรม การสร้างพิมพ์เขียวในการเจียระไน การสร้างสถาปัตย์กรรมและวางระบบการเรียนรู้ขององค์กร บางครั้งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่หลายมิติด้วยกันถ้าไม่มีการวางแผนการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบแล้วอาจเกิดการต่อต้านหรือเกิดความยากลำบากในการปรับตัวเข้ากับประบวนการคิดใหม่ๆ ผู้เขียนเองมีโอกาสไปเป็นพี่เลี้ยงเพื่อผสมผสานแนวคิดใหม่ให้เกิดเป็นแนวปฎิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นเอกลักษร์ขององค์กรเอง การเปลี่ยนแปลงนี่จำต้องวางรูปแบบเพื่อให้เกิดความสำเร็จ ความมั่นใจและศรัทธาในการวางแนวทางการพัฒนารูปแบบขององค์กรอัจฉริยะอย่างแท้จริง แต่ละองค์กรก็มีสไตล์เป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น microsoft, pfizer, IBM, oracle, ตลาดหลักทรัพย์, leo group of companies, การเคหะแห่งชาติ องค์กรทั้งหลายที่ผู้เขียนมีโอกาสช่วยเป็นที่ปรึกษาเพื่อสร้างองค์กรแห่งอัจฉริยะล้วนแล้วแต่มีจังหวะและเอกลักษณ์ของตัวเองเพื่อสร้างการโยงใยวิสัยทัศน์กับความฉลาดขององค์กรให้กลายเป็นหนึ่งเดียวพร้อมทั้งรอยยิ้มใกนการแปรเปลี่ยนเพื่อการต่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันนี้



 
โดย อาจารย์กฤษณ์ รุยาพร  E-mail : kris@e-apic.com, Mobile 081-617-7785 
บทความได้รับการเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์


Home    l    About Us    l    Education Program    l    Consulting    l    Clients    l    Online Test
Books & Multi    l    Apic Leadership Review    l    Contact Us