รากแก้วความสุข Grass Root of Authentic Happiness
[Date : 4 June 2022 ]
 
Talent iceberg of Leadership
[Date : 21 June 2022 ]
 
Unlock Leadership Potential(1)
[Date : 10 May 2022 ]
 
การสร้างพลังแห่งอัจฉริยภาพฝ่าวิกฤต
 

การสร้างพลังแห่งอัจฉริยภาพฝ่าวิกฤต




        คนเราทุกคนมีความสามารถที่เป็นพลังซ่อนเร้นอยู่ในตัวทุกคนแต่เป็นที่น่าเสียดายที่บางคนนั้นตลอดชีวิตไม่สามารถนำความสามารถตรงนั้นออกมาใช้อย่างเป็นรูปแบบหรือบางคนคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถเป็นเรื่องเป็นราวเสียด้วยซ้ำไป แต่การจะโลดแล่นฝ่าวิกฤตไปได้นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องหันกลับมาดูตัวเองว่าเราได้ใช้ความสามารถของตัวเองได้มากน้อยเพียงใดและที่สำคัญเราได้หากลยุทธ์ในการเจียระไนพรสววรค์ที่ซ่อนอยู่ภายในให้กลายเป็นพลังแห่งอัจฉริยภาพแล้วหรือยัง

พลังแห่งอัจฉริยภาพ : พลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน
         คนเราทุกคนตั้งแต่เล็กๆ อาจจะเคยตั้งคำถามให้กับตัวเองว่าโตขึ้นฉันจะเป็นอะไรดี ฉันมีพรสวรรค์อะไรอยู่ในตัวเองบ้าง บางคนก็สามารถตอบคำถามนี้ได้ตั้งแต่เด็ก บ้างก็แสวงหาคำตอบสำหรับคำถามนี้แต่ยังหาคำตอบไม่ได้ บ้างก็สร้างเป้าหมายที่ไม่สัมพันธ์กับอัจฉริยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวทำให้เกิดคำถามซ้อนคำถามขึ้นมาอีกว่าสงสัยตัวฉันเองจะไม่มีอะไรดีเพราะทำอะไรก็รู้สึกไม่ได้ดีสักที
         ผู้เขียนเองยังจำได้ถึงประสบการณ์ที่มีโอกาสไปเจอเพื่อนสมัยนักเรียนที่ปัจจุบันเป็นช่างตัดชุดเจ้าสาวที่ประสบความสำเร้จที่ใครๆ ก็อยากไปตัดชุดกับเขา เขานำเอารูปภาพเจ้าสาวที่มาตัดชุดที่ร้านของเขามาให้ผู้เขียนดู ผู้เขียนบอกเขาว่ารู้สึกว่าเขาโชคดีนะที่มีแต่คนที่สวยและน่ารักมาเป็นลูกค้าเขา เขากลับให้คำตอบที่น่าสนใจว่า “ลูกค้าของผมทุกคนล้วนมีเสน่ห์ มีความน่ารักและมีความสวยในสไตล์ในเอกลักษณ์ของเธอเองทุกคน สิ่งที่ผมต้องทำก็คือสังเกตและให้ความสนใจในการหาชุดที่ขับเอาความงามของความมีเสน่ห์ของเธอเหล่านั้นออกมา  เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่มีความงดงามทั้งสิ้น”  ผู้ที่ประสบความสำเร็จหลายท่านที่รู้จักและสื่อสารกับตัวเองมักจะรู้จักว่า เขาและเธอมีจุดเด่นและความสามารถอะไรที่อยู่ภายในและอาจจะไม่จำเป็นต้องการผู้เชี่ยวชาญหรือพี่เลี้ยงที่จะมาบอกว่าเขามีดีอะไร แต่บางคนอาจจะต้องมีกัลยานิมิตรที่ช่วยชี้ทางสว่างให้เปรียบเสมือนช่างตัดชุดเจ้าสาวที่เป็นกระจกส่องความงามให้ จากข้อคิดตรงนี้ทำให้ผู้เขียนเล็งเห็นถึงความสำคัญที่ทำอย่างไรที่เรามีกลยุทธที่จะช่วยการปลดปล่อยพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวให้กลายเป็นอัจฉริยภาพออกมาได้

กลยุทธ์การเจียระไนพรสวรรค์ให้กลายเป็นพลังแห่งอัจฉริยภาพ
    อัจฉริยภาพของแต่ละบุคคลล้วนแล้วแต่มีความแตกต่างกันเปรียบเสมือนลายนิ้วมือของเราก็มีความแตกต่างจากผู้อื่น ผู้เขียนเองมีลูกฝาแฝดชายหญิง พื่ภูมิเป็นพี่ชายที่เกิดก่อนน้องสาวแพรวหนึ่งนาที พี่ภูมิถนัดขวาและมีนิสัยช่างสังเกตุและมีความเป็นช่างที่ชอบถอดชอบรื้อและชอบช่วยเหลือตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ในขณะที่น้องสาวนั้นถนัดซ้ายและมีมนุษย์สัมพันธุ์ดีเยี่ยมเปรียบเสมือนเป็นคนดูแลสารทุกข์สุขดิบของทุกคนในบ้านและเป็นเสมือนแม่เหล็กที่เป็นที่สนใจของทุกคน แม้จะเป็นฝาแฝดแต่ก็มีความแตกต่างกัน คนเรามีการสั่งสมความถนัดเชิงอัจฉิรยภาพมาตั้งแต่เกิด เริ่มตั้งแต่พันธุกรรมที่เราได้มาจากคุณพ่อคุณแม่ทำให้เรามีพื้นฐานขั้นแรกที่แตกต่างกันเมื่อเรายังเด็กอยู่เราจะได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่จากครอบครัว จากพื่เลี้ยง จากสังคมที่เราอยู่ จากโรงเรียนที่เราได้รับการศึกษาตลอดจนค่านิยมของสังคมที่กำหนดการเรียนรู้ของเราว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรที่ควรและอะไรที่ไม่ควร เมื่อเรามีอายุมากขึ้น เราเริ่มสะสมความถนัดในด้านต่างๆจากประสบการณ์ จากกีฬาและงานที่เราชอบและสิ่งเหล่านั้นก็เริ่มสร้างเอกลัษณ์ของเราเองขึ้นมาโดยที่เราอาจจะรู้หรือไม่รู้ก็แล้วแต่
    คุณอานันท์ ปันยารชุนเคยให้ข้อคิดกับผู้เขียนไว้ว่า คนเราเกิดจากการประสมประสานของ พื้นฐาน 30% จากตัวเราและ 70% เกิดจากสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นพื้นฐานของเราสามารถพัฒนาได้จากการเรียนรู้จากสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา ลูกโจรไม่จำเป็นต้องเป็นโจรเสมอไปหากได้รับการสั่งสอนและอยู่ในสังคมที่สร้างพื้นฐานความคิดที่ถูกต้อง ผู้ที่ประสบความสำเร็จล้วนแล้วแต่มีพื้นฐานที่รู้จักพรสวรรค์ของตัวเองว่าตัวเรามีอะไรที่ถนัดและมีพื้นฐานที่เราสามารถต่อยอดและสร้างพรแสวงในการเรียนรู้พัฒนาสร้างสรรค์ให้พรสวรรค์เหล่านั้นเจิดจรัสและกลายเป็นอัจฉริยภาพ

กรอบความคิด-กุญแจสำคัญในการปลดปล่อยอัจฉริยภาพ

    กุญแจสำคัญในการสร้างความแตกต่างระหว่างผู้นำที่ประสบความสำเร็จกับ  ผู้ที่คิดว่าตัวเองไม่มีคุณค่าก็คือกรอบความคิดในการมองตนเอง ผู้ที่ประสบความสำเร็จมักจะมีมุมมองในการพัฒนาพลังที่อยู่ภายในตลอดจนคุณค่าที่มีอยู่ในตัวเองและสร้างสรรค์พัฒนาให้ดีขึ้น รวมทั้งใช้คุณค่าที่ตัวเองที่มีอยู่ไปสร้างสรรค์สังคมที่มีอยู่ให้ดีขึ้นต่อไป
มีเรื่องที่น่าสนใจที่พูดถึงกรอบความคิดในการพัฒนาว่าถ้าเรามีมุมมองในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น เราควรจะเปลี่ยนอะไรก่อนดี เมื่อเรายังเป็นเด็กเราอาจจะต้องการมีความคิดที่จะสร้างโลกทั้งโลกให้น่าอยู่ขึ้น อยากเปลี่ยนสิ่งต่างๆ รอบตัวเราที่ไม่ดีให้ดีขึ้น พอโตขึ้นเรียนหนังสือสูงขึ้นเริ่มเห็นสัจธรรมมากขึ้น ก็มีกรอบความคิดที่เปลี่ยนไปว่าการเปลี่ยนโลกทั้งโลกนั้นยากเกินไปเอาแค่ประเทศไทยก็แล้วกันอาจจะพอไหว พอเริ่มทำงานและเห็นโลกมากขึ้นประสบการณ์ในการมองโลกก็มากขึ้นกรอบความคิดก็เปลี่ยนไปอีกโดยคิดว่าการเปลี่ยนประเทศไทยมันคงยากเกินเปลี่ยนเฉพาะองค์กรที่ทำอยู่ยังพอไหว พอทำงานไปจนเกษียณอายุก็ถึงบางอ้ออีกครั้งว่าเปลี่ยนองค์กรที่อยู่ก็ยังยากไป น่าจะเปลี่ยนแค่ครอบครัวก็น่าจะพอแล้วมีภรรยากับลูกสามคนน่าจะพอไหว พอวันสุดท้ายก่อนลาโลกไปก็กระซิบบอกลูกว่า ถ้าพ่อมีกรอบความคิดที่ถูกต้องโดยเริ่มพัฒนาตัวเองก่อนตั้งแต่เด็กป่านนี้ตัวพ่อและสังคมที่พ่ออยู่คงจะดีขึ้นเพราะพ่อมัวแต่คิดอยากจะเปลี่ยนสิ่งต่างๆรอบตัวแต่ลืมมองตัวพ่อเองว่า ถ้าเราไม่เปลี่ยนตัวเราเองโดยนำเอาคุณค่าที่มีอยู่ภายในตัวเรามาพัฒนาให้ตัวเรามีคุณค่ามากขึ้นและไปช่วยทำให้สิ่งต่างๆดีขึ้นมันจะเป็นจุดหมุนในการพัฒนาการที่สำคัญและเป็นการพัฒนาการที่พ่อทำได้ง่ายที่สุดและอยู่ในสิ่งที่พ่อสามารถทำให้เกิดขึ้นได้
     การพัฒนาตนเองนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมุมมองที่ถูกต้องด้วยเพราะว่า ถ้าเรามองตนเองว่าเราไม่มีความสามารถไม่มีคุณค่าอยู่ภายใน การที่จะมาสร้างการพัฒนาการในตัวเองก็ไม่มี ในขณะเดียวกันกับผู้ที่มีกรอบความคิดว่าตัวเองมีพื้นฐานของความสามารถอยู่ในตัวแต่ต้องการพัฒนาให้ดีขึ้นก็จะเกิดความขนขวายที่จะสร้างให้เกิดการพัฒนาการขึ้นมา ก็สามารถที่จะเน้นการพัฒนาการที่สำตัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรารู้จักจุดเด่นและจุดด้อยของตัวเองเราก็สามารถวางกลยุทธ์ในการพัฒนาได้อย่างมีจุดมุ่งหมาย

ารรู้จักความถนัดเชิงอัจฉริยภาพพื้นฐานในการปลดปล่อยพรสวรรค์
    การรู้จักพื้นฐานของความถนัดเชิงอัจฉริยภาพในตัวคุณหรือที่เราเรียกว่าพรสวรรค์นั่นเอง พื้นฐานนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่เป็นบันไดไปสู่การพัฒนาการปลดปล่อยความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ออกมา ถ้าเปรียบเทียบการขับพลังอัจฉริยภาพแล้วก็เปรียบเสมือนการเจียระไนเพชรเมล็ดงามที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา ปกติแล้วสิ่งที่บอกความงามของเพชรขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญ คือ น้ำหนัก สี และความใสของเพชรซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ติดมากับเพชรเม็ดนั้นซึ่งก็เปรียบเสมือนพรสวรรค์ของคนเราที่ติดตัวมากับเรา ปัจจัยเสริมที่ทำให้พื้นฐานนั้นมีคุณค่ามากขึ้นก็คือความสามารถในการเจียระไนหรือการสร้างสรรค์กลยุทธ์เชิงนวัตกรรมในการขับอัจฉริยภาพและสิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือโอกาสหรือเป้าหมายที่จะนำเอาความงามของเพชรหรือพรสวรรค์ที่เจียระไนแล้วมาอยู่ในวงแหวนหรือสถานะการณ์ที่ส่องประกายงดงามได้อย่างเต็มที่ แม้เราเจียระไนอย่างดีด้วยการพิจารณาถึงมุมที่แสงจะผ่านและสร้างการกระจายของแสงที่ทำให้เพชรดูเจิดจรัสแต่ถ้าเรายังเอาเพชรเม็ดนั้นไปไว้ในตมคุณค่าของมันก็มิได้เปล่งแสงออกมา เพราะฉะนั้นปัจจัยที่สำคัญทั้งสามประการต้องสอดคล้องกันจำสร้างการประสมประสานให้เกิดการขับพลังอัจฉิรยภาพได้อย่างแท้จริง
    พรแสวงก็เปรียบเสมือนการเจียระไนเพชรเมล็ดงามที่ผู้ประสบความสำเร็จต่างมีความปราณีตในการมีวินัยในการสร้างพรแสวงหรือเรียนรู้การเจียระไนพรสววรค์ของตัวเองจากสังคมและพี่เลี้ยงที่อยู่รอบข้างและนำเอาไหมฟ้าเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับตัวเองและมีการพัฒนาการตลอดจนสร้างแนวนวัตกรรมในการพัฒนาเพื่อสร้างความถนัดในสไตล์ของตัวเอง นอกเหนือจากความสามารถในการสร้างพรแสวงในการเรียนรู้แล้ว เขาเหล่านั้นยังวางเป้าประสงค์ที่สร้างโอกาสในการปลดปล่อยความสามารถให้เป็นพลังแห่งอัจฉิรยภาพขึ้นมา ยิ่งเป้าประสงค์นั้นเด่นชัดเต็มไปด้วยพลังของความศรัทธาในการสร้างความสำเร็จที่สัมพันธ์กับพื้นฐานของความถนัดแห่งอัจฉิรยภาพยิ่ง ทำให้เกิดการปลดปล่อยพลังได้อย่างเต็มรูปแบบ

ค้นหาความถนัดเชิงอัจฉริยภาพในตัวคุณ
    คนเราทุกคนล้วนมีความถนัดที่โดดเด่นที่แตกต่างกัน แต่ข้อสำคัญทุกคนล้วนแล้วแต่มีจุดเด่นด้วยกันทุกคนแต่อยู่ที่ว่าใครจะรู้จักและจะเอาออกมาใช้มากน้อยแค่ไหน บางคนอาจจะมีความสามารถในการวิเคราะห์และแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน บ้างก็มีความสามารถในการประสานใจคนที่อยู่รอบข้าง บ้างก็เป็นนักสร้างสรรค์ที่มีจินตนการก้าวไกลตลอดจนผู้ที่เป็นนักจัดการในการสร้างรูปธรรมในการปฏิบัติอย่างมีประสิทธิ์ภาพ ถ้าเรามีเวลาหยุดคิดถึงตัวเราเองเราคงจะค้นพบว่าเราล้วนแต่มีความโดดเด่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บางท่านอาจจะมีความถนัดมากกว่าหนึ่งอย่างซึ่งแนวความถนัดเชิงอัจฉิรยภาพจะเป็นตัวที่ชี้ถึงความสามารถของเรายิ่งถ้าเรามีโอกาสและอยู่ในสายวิชาชีพที่เกื้อกูลจะเป็นการสร้างโอกาสในการปลดปล่อยอัจฉิรยภาพ มากยิ่งขึ้น
ถ้าเราสังเกตดูให้ดีผู้ที่คิดว่าสามารถลิขิตชีวิตตัวเองได้มักจะสร้างโอกาสในการปลดปล่อยอัจฉิรยภาพเสมอในชีวิต ในขณะที่ผู้ที่คิดแต่จะปล่อยชีวิตไปตามยถากรรมจะไม่แสวงหาทางเลือกปล่อยให้ชีวิตไปตามพรหมลิขิตบางครั้งแม้จะมีพรสวรรค์อยู่แต่ก็มิได้มีโอกาสที่จะนำเอามันออกมาใช้ได้
     ผู้เขียนเองได้ร่วมกับดร.เน็ด เฮอร์แมนผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี่ในการใช้สมองทั้งใบ(Whole brain technology) และร่วมกับ ไมเคิล มอร์แกน ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาแนวนวัตกรรมสร้างสรรค์ ในภูมิภาค เอเซียแปซิฟิก ได้มีการวิเคราะห์จากผู้ที่เข้าร่วมการวิจัยมากกว่า 3 ล้านคนทั่วโลกทั้งในประเทศไทย ภาคพื้นเอเซีย ยุโรป อเมริกาและประเทศต่างๆ ถึงความถนัดเชิงอัจฉริยภาพโดยผลสรุปนั้นชี้ให้เห็นได้ว่า ไม่ว่าเราจะมีความถนัดในด้านการใช้ความคิดสร้างสรรค์  การแก้ปัญหา การเป็นนักบริหาร หรือการเป็นนักประสานก็ล้วนแล้วแต่เป็นความสามารถที่สร้างพลังแห่งอัจฉริยภาพได้ทั้งสิ้น  ซึ่งเราสามารถที่จะมีความโดดเด่นได้มากกว่าหนึ่งอย่าง การค้นพบความถนัดเชิงอัจฉริยภาพเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการปลดปล่อยพื้นฐานของความสามารถเพราะถ้าเราไม่รู้จักพื้นฐานตรงนี้อาจจะทำให้เราไม่สามารถที่จะแสวงหาจังหวะชีวิตและโอกาสที่จะเป็นส่วนที่สำคัญในการสร้างสมประสบการณ์และสร้างการพัฒนาการในการเจียระไนจุดเด่นให้แวววาวยิ่งขึ้น ถ้าผู้ใดต้องการตัวอย่างผู้ประสบความสำเร็จในการสร้างพลังอัจฉริยภาพสามารถสั่งซื้อได้จาก People Magazine หรือถ้าอยากได้การวิเคราะห์โดยละเอียดเกี่ยวกับความถนัดเชิงอัจฉิรยภาพโทรมาถามได้ที่ ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลที่บริษัท เอเซีย แปซิฟิก อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด 714-4462 ตลอดจน e-mail มาคุยกับอาจารย์กฤษณ์ได้ที่ kris@mozart.inet.co.th
การแสวงหาโอกาสด้วยการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
    สถานะการณ์สร้างวีรบุรุษ คงเป็นคำพูดที่เราได้ยินกันบ่อยถึงการปลดปล่อยความสามารถที่มีอยู่ภายในต้องอาจจะต้องมีทั้งความเก่งและความเฮงจึงจะสร้างการผสมผสานอย่างสมบูรณ์ การที่เราเก่งอย่างเดียวแต่ไม่เฮงก็คงจะไม่สามารถใช้ความเก่งให้เป็นประโยชน์ คนที่เป็นผู้มีความเชื่อว่าชีวิตลิขิตได้มักจะวางเป้าหมายที่สอดคล้องกับอัจฉริยภาพและเป้าหมายนั้นมักจะสร้างโอกาสในการปลดปล่อยอัจฉริยภาพ เพราะฉะนั้นความถนัดเชิงอัจฉริยภาพกับความเหมาะสมของบรรยากาศเป็นส่วนผสมที่ต้องไปด้วยกันอัจฉิรยภาพจึงจะถูกปลดปล่อยได้อย่างเต็มที่ 
     ผู้ที่มีความถนัดในด้านวิเคราะห์แต่ไม่ชอบเป็นนักประสานมักจะมีความชอบในการวิเคราะห์ปัญหามากกว่าทำงานด้านการขายถ้าเขาทำงานด้านการเงินจะทำให้ฉายแววการการเป็นนักวิเคราห์การเงินที่ดี ถ้าเขาต้องไปทำงานในฐานนะนักขาย เขาเองจะมีความรู้สึกถึงความอึดอัดถึงสภาวะที่ต้องมีการทำงานในจุดที่เขาไม่ถนัด  ผู้ที่ประสบความสำเร็จมักจะเข้าใจพื้นฐานของตัวเองและจะพยายามต่อยอดของความเก่งที่ตัวเองมีอยู่และจะหาคนที่เหมาะสมมาช่วยในแกนที่ตัวเองไม่ถนัดเพราะถ้าเขามีพื้นของพรสวรรค์มาแล้วการต่อยอดในจุดที่เขาถนัดมักจะประสบความสำเร็จได้ง่าย
        ผู้นำมักจะประดิษฐ์ประดอยแนวทางการดำเนินชีวิตของเขาเอง ผู้เขียนเคยนำเอาหนังสือที่ทำการวิจัยถึงความสำเร็จและสูตรสำเร็จในการเป็นผู้นำที่ดีไปให้คุณอานันท์ ปันยารชุนและถามท่านว่าท่านมีสูตรสำเร็จดังในหนังสือเหล่านั้นหรือไม่ ท่านให้ข้อคิดที่น่าสนใจที่จุดประกายให้ผู้เขียนเองเริ่มศึกษาความสำเร็จของผู้นำในการสร้างอัจฉริยภาพที่แตกต่างกัน ท่านกล่าวว่า ท่านเองมีแนวทางและหลักการที่ยึดถือต่างจาก ลี กวน ยู หรือ มหาเธร์เพราะแต่ละคนมีพื้นฐานในตัวเองไม่เหมือนกันเพราะฉะนั้นต้องประดิษฐ์ประดอยและหาหลักการณ์ที่เป็นพิเศษของตัวเอง
     การสร้างพลังแห่งอัจฉริยภาพเป็นกระบวนการที่ช่วยให้สามารถรู้จักดึพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในออกมาใช้ต่อสู้กับวิกฤตแต่ที่สำคัญการปลดลป่อยพลังก็เป็นศิลปะของแต่ละคนที่จะต้องอาศัยการพัฒนาการ การเรียนรู้และประยุกต์ใช้เพื่อให้เป็นศาสตร์ของตัวเอง เพราะเราต่างคนต่างก็ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน จงรู้จักตัวเองและนำศักยภาพที่มีอยู่ภายในมาใช้ให้สูงสุด



 
โดย อาจารย์กฤษณ์ รุยาพร  E-mail : kris@e-apic.com, Mobile 081-617-7785 
บทความได้รับการเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์


Home    l    About Us    l    Education Program    l    Consulting    l    Clients    l    Online Test
Books & Multi    l    Apic Leadership Review    l    Contact Us