E-APIC : Asia Pacific Innovation Center - The Leading Organization and Leadership Development Center

   การสร้างพลังแห่งความมุ่งมั่นด้วยสมองเพียงอย่างเดียวมักจะสร้างพลังที่ผลักดันไปสู่เป้าหมายที่มักจะไม่แรงพอ แต่ถ้าเราสามารถสะกิดพลังของต่อมสุขใจที่เป็นส่วนของจิตใต้สำนึกมาเป็นแรงส่งต่อให้เป้าหมายอยู่สูงขนาดไหน คุณก็จะมีพลังแห่งความมุ่งมั่นบนเส้นทางแห่งความสุขใจที่ทำให้ทุกก้าวที่มุ่งไปสู่ความสำเร็จจะสร้างรอยยิ้มให้คุณเสมอ
   ผู้เขียนได้มีโอกาสจัด Leadership Voyage Camp ให้แก่ กลุ่มผู้นำสายพันธุ์ใหม่ หรือ Talent Pool ขององค์กรชั้นนำที่มารวมกลุ่มกัน 20 คนใช้เวลา 8 เดือนโดยแบ่งเป็น 3 Phase คือ

   1. ค้นหาต่อมสุขใจที่เป็นขุมพลังจากจิตใต้สำนึก
   2. สร้างพิมพ์เขียวของวิถีแห่งความสุขที่ต่อยอดแรงขับเคลื่อนจากต่อมสุขใจ
   3. สร้างโอกาสในการฝึกฝนทักษะในการปลดปล่อยพลังแห่งอัจฉริยภาพบนพื้นฐานของต่อมสุขใจพร้อมทั้งกระบวนการติดตามผลของพลังแห่งความมุ่งมั่นด้วยการสะสม Best Practices ของความสำเร็จที่เป็นเสมือนแรงส่งท้ายในการเสริมความมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ

   ผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำที่เข้ามาอยู่ใน Camp ของผู้นำสายพันธุ์ใหม่ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า

   Phase ที่ 1 การหยุดค้นหาต่อมสุขใจ เป็นการค้นหาที่ทำให้เขาค้นพบต่อมพลังของจิตใต้สำนึกที่เปรียบเสมือนเป็น Unseen Leadership Potential หรือเป็นเสมือนพลังของอัจฉริยภาพที่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งของศักยภาพที่เขาเองไม่เคยได้สำรวจมาก่อน เขามักจะมองดูความสามารถจากเสียงสะท้อนของบุคคลที่อยู่รอบข้าง แต่ไม่เคยหยุดมองเสียงสะท้อนของหัวใจที่อยู่ภายในตัวเขา
    การรู้จักต่อมสุขใจก็เปรียบเสมือนการเข้าใจพลังของแรงม้าที่อยู่ภายใน แต่การสร้างพิมพ์เขียวของวิถีแห่งความสุขที่ต่อยอดจากแรงขับเคลื่อนจากต่อมสุขใจใน

   Phase ที่ 2 ก็เปรียบเสมือนการวาดแผนที่ของเส้นทางและเป้าหมายที่สอดคล้องกับความถนัดและความสามารถที่มีอยู่อย่างเป็นธรรมชาติภายในตัวเรา ผู้บริหารหลายคนมีหัวใจของรถ Porsche ที่มีความเร็วทางความคิดสูงหรือมี Intellectual Horse Power สูงและมีสมรรถนะในการเกาะถนนที่มีความคดเคี้ยวได้ดี แต่ถ้านำรถคันนี้มาขับในถนน Off Road ที่ต้องไปผจญภัยในป่าที่เป็นถนนลูกรัง สมรรถนะที่ติดตัวมาก็จะสูญเปล่าอย่างน่าเสียดาย
   ผู้บริหารท่านนี้หลังจากใช้แบบสอบถามความถนัดเชิงอัจฉริยภาพค้นหาต่อมสุขใจก็พบว่าต่อมสุขใจที่โดดเด่นอย่างเป็นธรรมชาติก็คือความสามารถในการประสานใจ การสื่อสารและการบริหารความขัดแย้งในกลุ่มของคนเก่งๆที่มักจะคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ในอดีตเขาฟังแต่เสียงสะท้อนจากคุณพ่อคุณแม่และครอบครัวว่าวิศวดีหางานง่าย เขาจึงเลือกเรียนวิศวและเมื่อจบมาเขาทำงานในหน่วยงานวิจัยและพัฒนาของบริษัทคอมพิวเตอร์ข้ามชาติที่มีชื่อ แต่มีความรู้สึกว่าแม้จะผลักดันตัวเองให้ก้าวมาอยู่ในระดับผู้บริหารแนวหน้าในองค์กรแต่ดูเหมือนชีวิตจะหนื่อยเหลือเกิน อาการ Burn Out เกิดขึ้นอยู่เสมอๆ
   เมื่อเขาค้นพบต่อมสุขใจในการติดต่อสื่อสารและประสานใจคน ผู้เขียนกับเขาก็ช่วยกันสร้างโครงการในการสร้างโอกาสที่สามารถพิสูจน์ในช่วงระยะเวลา 8 เดือนที่จะเป็นเสมือนพิมพ์เขียวที่เปิดโอกาสสร้างสรรค์วิถีแห่งความสุขด้วยการเป็นผู้นำเสนอ สื่อสารงานวิจัยที่คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ มาแล้วในห้อง Lab สู่หน่วยงานการตลาดและการขายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า พอเป้าหมายชัดเจนความสนุกในการใช้ต่อมสุขใจเป็นแรงส่งให้เกิดพลังแห่งความมุ่งมั่นในการกล้าใช้ต่อมสุขใจในเวทีที่เขาสร้างเพื่อสร้างผลงานการนำเสนอให้ปรากฎอย่างต่อเนื่อง

   Phase ที่ 3 ผู้บริหารท่านนี้ก็ได้ฝึกฝนทักษะที่ต้องการที่ทำให้สามารถใช้ต่อมสุขใจอย่างแคล่วคล่องว่องไว เปรียบเสมือนการขับรถที่เครื่องแรงไปบนสนามแข่งที่มีโค้งอยู่มากมาย เขาฝึกฝนการนำเสนอด้วยการคิดอย่างมีระบบและการสื่อสารที่เข้าไปในใจของกลุ่มเป้าหมายที่หลากกลาย ความสามารถในการการฟังด้วยหัวใจไม่ใช่แค่สมอง การบริหารความขัดแย้งและเปลี่ยนให้การเป็นการหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน
   ยิ่งเขาฝึกฝนทักษะใหม่ๆบนประสบการณ์จริงมากเท่าไหร่ความสนุกในการใช้ก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เมื่อความสนุกเกิดขึ้นบนต่อมสุขใจ พลังของความมุ่งมั่นที่จะใช้เพื่อก่อให้เกิดความสำเร็จก็เพิ่มเป็นเงาตามตัว เขาเริ่มสะสม Leadership Best Practices ของความสำเร็จในการใช้ความสามารถเหล่านี้พร้อมทั้งเส้นกราฟของระดับพลังของความมุ่งมั่นที่เป็นกราฟที่พุ่งสูงขึ้นทุกครั้งที่ประสบความสำเร็จในการใช้ต่อมสุขใจ

   วันสุดท้ายของการเข้า Leadership camp ผู้เขียนได้จัด Leadership Hall of Frame โดยให้ผู้บริหารที่เข้า camp ร่วมกันมานำเสนอเรื่องราวดีๆ ที่เขาสะสมผลงาน ความสำเร็จ กราฟของระดับอารมณ์และความมุ่งมั่นที่เกิดขึ้นตลอดหลักสูตรที่อยู่ร่วมกัน ผู้บริหารท่านนี้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า 8 เดือนที่อยู่ด้วยกันเป็นเสมือนการฝึกฝนการแข่งรถฟอร์มูล่า 1 ที่ดึงเอาพลังของความมุ่งมั่นจากหัวใจมาเป็นพื้นฐานเพื่อต่อยอดการฝึกฝนทักษะที่สร้างผลงานให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกรอบของการแข่งขัน การรวมรวม best practices Hall of Frame เปรียบเสมือนรางวัลของความสำเร็จบนหนทางของสร้างสรรค์ความมุ่งมั่นที่มีรอยยิ้มมาจากหัวใจ